ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลาง หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่า สหรัฐจะตอบโต้อิหร่านโดยใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยไม่ได้ระบุถึงการใช้ปฏิบัติการทางทหาร หลังจากที่อิหร่านใช้ขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาประเทศไทย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,574.93 จุด เพิ่มขึ้น 1.08 จุด หรือ +0.01%
ตลาดหุ้นอังกฤษดีดตัวขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าซื้อหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยง หลังจากปธน.ทรัมป์ยืนยันว่า ไม่มีชาวอเมริกันที่เสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บจากการที่อิหร่านใช้ขีปนาวุธโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเมื่อวานนี้ และกล่าวว่า สหรัฐกำลังพิจารณาทางเลือกในการตอบโต้อิหร่าน โดยจะใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมต่ออิหร่าน ส่วนอิหร่านก็มีท่าทีอ่อนลงหลังการโจมตีฐานทัพสหรัฐ
แหล่งข่าวจากรัฐบาลสหรัฐและยุโรประบุว่า อิหร่านจงใจยิงขีปนาวุธพลาดเป้า ในการโจมตีฐานทัพสหรัฐในอิรักเมื่อวานนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเสียชีวิตของทหารสหรัฐ และหลีกเลี่ยงการเกิดวิกฤตการณ์จนควบคุมไม่ได้
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นไม่มากนัก เนื่องจากนักลงทุนยังคงกังวลกับการทำข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอังกฤษและสหภาพยุโรป (EU) ภายในเดือนธ.ค.ปีนี้ หลังอังกฤษแยกตัวออกจาก EU (Brexit)
หุ้นอีซี่เจ็ต พุ่งขึ้น 2.74%, หุ้นเกล็นคอร์ บวก 1.18% และ หุ้นมาร์ค แอนด์ สเปนเซอร์ เพิ่มขึ้น 0.09%