ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 100 จุด แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันนี้ ขานรับผลประกอบการของมอร์แกน สแตนลีย์ และตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีนเมื่อวานนี้
ณ เวลา 22.07 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,193.09 จุด บวก 162.87 จุด หรือ 0.56%
มอร์แกน สแตนลีย์เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ มอร์แกน สแตยลีย์ระบุว่า ธนาคารมีกำไรที่ระดับ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.99 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 1.086 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.72 พันล้านดอลลาร์
ขณะนี้ บริษัทราว 7% ในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว ซึ่ง 76.5% ในจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความในวันนี้ ระบุว่า สหรัฐอยู่ในสถานะที่ดีในการเริ่มเจรจาการค้าเฟสสองกับจีน
"เรากำลังอยู่ในสถานะที่ดีที่จะเริ่มต้นการเจรจาการค้าเฟสสอง" ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ
ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับนายหลิว เหอ รองนายกรัฐมนตรีจีน เมื่อวานนี้ที่ทำเนียบขาว ท่ามกลางแขกรับเชิญจำนวนกว่า 200 คนที่ประกอบด้วยนักการทูต รวมทั้งตัวแทนจากภาคธุรกิจ และหน่วยงานรัฐบาล
ข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งมีจำนวน 86 หน้า ระบุว่า สหรัฐเห็นพ้องที่จะปรับลดภาษีลงครึ่งหนึ่งจากอัตรา 15% ที่เรียกเก็บจากสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 1.2 แสนล้านดอลลาร์ และชะลอการเก็บภาษีเพิ่มเติมเพื่อแลกกับการที่จีนให้คำมั่นสัญญาในการปฏิรูปโครงสร้าง และซื้อสินค้าและบริการจากสหรัฐเพิ่มขึ้นอีก 2 แสนล้านดอลลาร์ในช่วงเวลา 2 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ สหรัฐจะยังคงตรึงอัตราภาษีนำเข้าต่อสินค้าจีนราว 2 ใน 3 คิดเป็นมูลค่าราว 3.6 แสนล้านดอลลาร์ จนกว่าจะผ่านพ้นการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย. และจะพิจารณาปรับลดอัตราภาษีก็ต่อเมื่อสหรัฐและจีนมีการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสสอง
หากจีนนำเข้าสินค้าสหรัฐตามข้อตกลงการค้าเฟสแรก จะส่งผลให้การส่งออกของสหรัฐไปยังจีนพุ่งสู่ระดับ 2.63 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ และ 3.09 แสนล้านดอลลาร์ในปีหน้า ซึ่งถือเป็นสถิติสูงเป็นประวัติการณ์ของสหรัฐ
ดัชนีดาวโจนส์ยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 216,000 ราย
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% เช่นกันในเดือนพ.ย.
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 17.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.8 จากระดับ 2.4 ในเดือนธ.ค.
เฟดระบุว่า ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ และดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้า ดีดตัวขึ้นในเดือนม.ค.
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงภาวะขยายตัวของภาคธุรกิจ