ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (16 ม.ค.) โดยดัชนี S&P500 ยืนที่เหนือระดับ 3,300 จุดเป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนขานรับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ และผลประกอบการที่ดีเกินคาดของธนาคารรายใหญ่อย่างมอร์แกน สแตนลีย์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการที่วุฒิสภาสหรัฐไฟเขียวข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) รวมทั้งมุมมองบวกเกี่ยวกับข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐและจีน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,297.64 จุด พุ่งขึ้น 267.42 จุด หรือ +0.92% ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,357.13 จุด เพิ่มขึ้น 98.44 จุด หรือ +1.06% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,316.81 จุด เพิ่มขึ้น 27.52 จุด หรือ +0.84%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า โดยหุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (AMD) พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 2.2% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.37% หุ้นแอปเปิล บวก 1.2% หุ้นเฟซบุ๊ก บวก 0.3% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 1.8% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นอัลฟาเบท ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิล บวก 0.76%
นอกเหนือจากข้อตกลงการค้าแล้ว หุ้นกลุ่มเทคโนโลยียังได้รับปัจจัยบวกจากแนวโน้มผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทไต้หวัน เซมิคอนดัคเตอร์ แมนูแฟคเจอริง โค (TSMC) ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิปสำหรับ iPhone ให้กับบริษัทแอปเปิล โดย TSMC คาดการณ์รายได้ในไตรมาส 1/2563 ที่ระดับ 1.02-1.03 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าระดับคาดการณ์เฉลี่ยของนักวิเคราะห์ที่ 9.6 พันล้านดอลลาร์
หุ้นกลุ่มธนาคารพุ่งขึ้นขานรับผลประกอบการที่สดใสของธนาคารมอร์แกน สแตนลีย์ โดยกำไรในไตรมาส 4/2562 ของมอร์แกน สแตนลีย์อยู่ที่ระดับ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.99 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้อยู่ที่ 1.086 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 9.72 พันล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ พุ่งขึ้น 6.6% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดีดขึ้น 1.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส บวก 0.33% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 1.9% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา บวก 0.14%
หุ้นซิกเนท จิวเวลเวอร์ ผู้ผลิตและจำหน่ายอัญมณีรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 40.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยยอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงเทศกาลวันหยุด และปรับเพิ่มแนวโน้มผลประกอบการในปีงบการเงิน 2563
หุ้นแบงก์ ออฟ นิวยอร์ก เมลลอน คอร์ป ร่วงลง 7.8% หลังจากธนาคารเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 1.01 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.04 ดอลลาร์/หุ้น โดยได้รับผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐและบรรดาประเทศคู่ค้า โดยล่าสุดวุฒิสภาสหรัฐให้การอนุมัติข้อตกลงการค้าสหรัฐ-เม็กซิโก-แคนาดา (USMCA) ซึ่งเกิดขึ้นเพียงวันเดียวหลังจากสหรัฐและจีนลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกอย่างเป็นทางการ โดยนักลงทุนเชื่อว่าข้อตกลงการค้าเหล่านี้จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐและทั่วโลก
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกปรับตัวขึ้นเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนธ.ค. โดยเพิ่มขึ้น 0.3% สอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 10,000 ราย สู่ระดับ 204,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 216,000 ราย
ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย เปิดเผยดัชนีภาวะธุรกิจในภูมิภาคมิด-แอตแลนติก พุ่งขึ้นสู่ระดับ 17.0 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.8 จากระดับ 2.4 ในเดือนธ.ค.
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนธ.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนพ.ย. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน