ดัชนีดาวโจนส์พลิกร่วงลงใกล้เข้าสู่แดนลบ โดยถูกถ่วงลงจากการทรุดตัวของราคาหุ้นโบอิ้ง
ณ เวลา 00.06 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,207.53 จุด บวก 11.49 จุด หรือ 0.04%
ราคาหุ้นโบอิ้งดิ่งลง 2% หลังจากที่บริษัทเวอร์ติคอล รีเสิร์ช พาร์ทเนอร์ส ประกาศปรับลดราคาเป้าหมายของหุ้นโบอิ้งสู่ระดับ 294 ดอลลาร์ จากเดิมที่ระดับ 399 ดอลลาร์ โดยลดลง 6% จากระดับปัจจุบัน ขณะที่ราคาหุ้นได้ทรุดตัวลง 17% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ เวอร์ติคอล รีเสิร์ชยังได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นโบอิ้ง สู่ระดับ "hold" จากเดิมที่ "buy"
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การที่เครื่องบินโบอิ้งรุ่น 737 MAX ถูกทางการสหรัฐสั่งห้ามบิน จะส่งผลกระทบทางการเงินต่อบริษัทมากกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
โบอิ้งระบุว่า ทางบริษัทไม่คาดว่าทางการสหรัฐจะอนุมัติให้ 737 MAX ขึ้นบินได้อีกครั้ง จนกว่าจะถึงกลางปีนี้ เนื่องจากต้องผ่านกระบวนการให้ใบอนุญาต และการตรวจสอบระบบควบคุมการบินของเครื่องบิน
โบอิ้งยังเปิดเผยว่า บริษัทได้จัดสรรงบ 9 พันล้านดอลลาร์เพื่อรองรับค่าใช้จ่ายที่ 737 MAX ถูกสั่งห้ามบิน
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์ระบุว่า โบอิ้งจะต้องเพิ่มวงเงินค่าชดเชยต่อสายการบินที่เป็นลูกค้าอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ และเพิ่มงบเกี่ยวกับการผลิต 737 MAX อีก 5.4 พันล้านดอลลาร์
ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นเกือบ 100 จุดในช่วงแรก โดยได้ปัจจัยหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทอินเตอร์เนชั่นแนล บิสซิเนส แมชชีน (IBM) และเน็ตฟลิกซ์
ขณะนี้ บริษัทมากกว่า 10% ในดัชนี S&P 500 ได้เปิดเผยผลประกอบการในไตรมาส 4 แล้ว ซึ่ง 75% ในจำนวนดังกล่าวมีกำไรสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
IBM รายงานตัวเลขรายได้เพิ่มขึ้นในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นครั้งแรกในรอบ 6 ไตรมาส โดยได้รับปัจจัยหนุนจากรายได้ที่พุ่งขึ้น 21% ในธุรกิจคลาวด์ โดยบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้น 0.1% สู่ระดับ 2.178 หมื่นล้านดอลลาร์ สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่ารายได้จะลดลง 1% นอกจากนี้ บริษัทมีกำไรอยู่ที่ระดับ 4.71 ดอลลาร์/หุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 4.69 ดอลลาร์/หุ้น
บริษัทเน็ตฟลิกซ์เปิดเผยรายได้และจำนวนผู้ใช้บริการสูงกว่าคาดในไตรมาส 4 โดยบริษัทมีกำไรที่ระดับ 1.30 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 0.30 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปี 2561 นอกจากนี้ บริษัทมีรายได้ 5.5 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.45 พันล้านดอลลาร์ ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการในต่างประเทศเพิ่มขึ้น 8.76 ล้านราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.63 ล้านราย
หุ้นกลุ่มสายการบิน และโรงแรมฟื้นตัวขึ้นในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนคลายวิตกต่อการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาเชื่อมั่นว่าทางการสหรัฐสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสดังกล่าว หลังมีการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในสหรัฐ
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขามีความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของจีนจะเปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นทุกอย่างเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ต่อเจ้าหน้าที่ทั่วโลก
ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง หรือ SARS ในปี 2546 รัฐบาลจีนถูกทั่วโลกโจมตี เนื่องจากมีการปกปิดข้อมูลการแพร่ระบาดในช่วงเริ่มแรก ส่งผลให้เกิดการลุกลามจนยากต่อการควบคุมในที่สุด ทำให้มีผู้เสียชีวิตทั่วโลกเกือบ 800 ราย
ทางด้านรัฐบาลจีนประกาศให้การสนับสนุนทางการเงินในการรักษาผู้ป่วยโรคปอดอักเสบที่ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่
กระทรวงการคลัง และสำนักงานความมั่นคงด้านสุขอนามัยแห่งชาติของจีน ออกแถลงการณ์ระบุว่า การดูแลรักษาทางการแพทย์ต่อผู้ป่วยดังกล่าวจะต้องไม่ถูกจำกัดจากเรื่องค่าใช้จ่ายในการรักษา โดยรัฐบาลจะให้การสนับสนุนทางการเงินต่อผู้ป่วยดังกล่าว ขณะที่จะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายที่อยู่นอกเหนือการคุ้มครองจากการทำประกันสุขภาพ และโครงการอื่นๆ
ทั้งนี้ รัฐบาลจะนำเงินจากกองทุนประกันทางการแพทย์มาทดจ่ายแก่ผู้ป่วยก่อน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของโรงพยาบาล