ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) โดยถูกกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐขู่ที่จะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงจากสหภาพยุโรป (EU) ซึ่งส่งผลฉุดหุ้นกลุ่มรถยนต์ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 3 เดือน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.08% ปิดที่ 423.04 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 6,010.98 จุด ลดลง 35.00 จุด หรือ -0.58%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 13,515.75 จุด ลดลง 40.12 จุด หรือ -0.30% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,571.92 จุด ลดลง 38.78 จุด หรือ -0.51%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนกังวลกับความขัดแย้งด้านการค้าระหว่างสหรัฐและ EU หลังปธน.ทรัมป์กล่าวเตือนในการประชุมเวิลด์ อิโคโนมิก ฟอรั่ม (WEF) ที่เมืองดาวอส ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ว่า สหรัฐจะเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ในอัตราสูงจาก EU หาก EU ไม่เห็นด้วยกับการทำข้อตกลงการค้า ขณะที่นางอีมิลี ฮาเบอร์ เอกอัครราชทูตเยอรมนีประจำสหรัฐได้ออกมาตอบโต้ว่า EU ก็อาจจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐเช่นกัน
หุ้นกลุ่มรถยนต์ได้รับผลกระทบมากที่สุดจากความวิตกดังกล่าว โดยร่วงลงหนักที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่ธุรกิจรถยนต์ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวทั่วโลก
หุ้นเดมเลอร์ของเยอรมนี ร่วงลง 2.12%, หุ้นโรลส์-รอยซ์ของอังกฤษ ร่วง 2.26% และหุ้นเรโนลต์ของฝรั่งเศส ลบ 0.84%
บรรดานักลงทุนชะลอการซื้อขายลงก่อนการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ ซึ่งคาดว่า ECB จะตรึงอัตราดอกเบี้ยไม่เปลี่ยนแปลงในการประชุมนโยบายการเงินครั้งแรกของปีนี้
ส่วนข่าวเกี่ยวกับการที่จีนออกมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่นั้นได้ช่วยพยุงตลาดไม่ให้ปรับตัวลงมากนัก