ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (23 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน ขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินร่วงลง หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,507.67 จุด ลดลง 64.25 จุด หรือ -0.85%
ความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีน ซึ่งขณะนี้มีผู้ติดเชื้อกว่า 600 รายและมีผู้เสียชีวิต 17 คนแล้วนั้น ได้กระตุ้นให้นักลงทุนเทขายหุ้นซึ่งเป็นสินทรัพย์เสี่ยงออกมา เนื่องจากคาดว่าโรคระบาดจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มโรงแรมปรับตัวลง โดยหุ้นอินเตอร์คอนติเนนทัล โฮเทลส์ ร่วง 3.23% หลังเปิดเผยว่า บริษัทจะอนุญาตให้ลูกค้าเปลี่ยนแปลงหรือยกเลิกการจองห้องพักได้ถึงวันที่ 3 ก.พ. ในจีน, ฮ่องกง, มาเก๊า และไต้หวัน ซึ่งพบการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา และทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกการเดินทาง
หุ้นกลุ่มสายการบินและกลุ่มท่องเที่ยวก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน โดยหุ้นสายการบินอีซี่เจ็ต ร่วง 3.47% และหุ้นคาร์นิวาลซึ่งประกอบการเรือสำราญ ร่วง 3.57%
นอกจากนี้ หุ้นกลุ่มธนาคารของอังกฤษยังปรับตัวลงตามหุ้นธนาคารของยุโรป หลัง ECB ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาด โดย ECB ลงมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% โดยเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
หุ้นเอชเอสบีซี ลบ 0.75%, หุ้นบาร์เคลย์ส ลดลง 1.87% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ปรับตัวลง 1.62%
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 เดือน โดยถูกกดดันจากราคาทองแดงที่ลดลง โดยหุ้นเกล็นคอร์ ร่วง 2.96% และหุ้นแองโกล อเมริกัน ร่วง 3.47%