ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตและภาคบริการของอังกฤษที่แข็งแกร่งในเดือนม.ค. และนักลงทุนคลายวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังองค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,585.98 จุด เพิ่มขึ้น 78.31 จุด หรือ +1.04%
ตลาดหุ้นลอนดอนดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยดัชนี PMI ที่แข็งแกร่งของอังกฤษ โดยไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 52.4 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 16 เดือน จากระดับ 49.3 ในเดือนธ.ค. ซึ่งดัชนี PMI ที่อยู่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักรอยู่ในภาวะขยายตัว โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์ทางการเมืองที่เริ่มผ่อนคลายลงแล้ว
ตลาดฟื้นตัวขึ้นหลังจากร่วง 4 วันติดต่อกันจากความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่เริ่มขึ้นในจีนและระบาดไปยังหลายประเทศ โดยในขณะนี้ ผู้เสียชีวิตจากโรคปอดอักเสบที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 26 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในจีน ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกพุ่งขึ้นกว่า 900 ราย
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคลายความวิตกเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา หลัง WHO ระบุว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern หรือ PHEIC)
หุ้นออโต เทรดเดอร์ กรุ๊ป พุ่งขึ้น 3.44%, หุ้นฮาร์กรีฟส์ แลนสดาวน์ ปรับตัวขึ้น 3.10% และหุ้นวีเอ็ม มอร์ริสัน ซูเปอร์มาร์เก็ต บวก 2.99%