ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (27 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก โดยหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง เช่น หุ้นกลุ่มสายการบิน โรงแรม และสถานกาสิโน ต่างก็ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากรัฐบาลจีนขยายเวลาวันหยุดในเทศกาลตรุษจีนและมีคำสั่งห้ามทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,535.80 จุด ร่วงลง 453.93 จุด หรือ -1.57% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,243.63 จุด ลดลง 51.84 จุด หรือ -1.57% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,139.31 จุด ลดลง 175.60 จุด หรือ -1.89%
ดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ทำสถิติร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค. 2562 ขณะที่ดัชนี Nasdaq ร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่วันที่ 23 ส.ค. 2562 ท่ามกลางความวิตกกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีต้นตอมาจากเมืองอู่ฮั่นของจีน โดยล่าสุด จำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาในจีนเพิ่มขึ้นเป็น 81 ราย และมีการยืนยันพบผู้ติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มขึ้นในอีกหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสหรัฐ
รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ด้วยการขยายเวลาวันหยุดตรุษจีนออกไปจนถึงวันที่ 2 ก.พ. จากเดิมที่มีกำหนดสิ้นสุดในวันที่ 30 ม.ค. และมีคำสั่งห้ามไม่ให้คณะทัวร์จีนเดินทางออกนอกประเทศ โดยคำสั่งห้ามดังกล่าวครอบคลุมถึงการขายแพ็คเกจเที่ยวบินและโรงแรมสำหรับชาวจีนที่ต้องการเดินทางไปต่างประเทศด้วย
ข่าวดังกล่าวได้ฉุดหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางร่วงลงอย่างหนัก รวมถึงหุ้นในกลุ่มสายการบิน โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดิ่งลง 5.2% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.37% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ลดลง 0.5% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 5.5% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ร่วงลง 2.9%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญร่วงลง โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 4.7% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 7.6% และหุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง ดิ่งลง 2.9%
ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงแรมและกาสิโนนั้น หุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 2.1% หุ้นฮิลตัน เวิล์ดไวด์ โฮลดิ้ง ร่วงลง 2.2% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 3.8% ส่วนหุ้นลาเวกัส แซนด์ส คอร์ป ร่วงลง 6.7% หุ้นวินน์ รีสอร์ทส์ ดิ่งลง 8% และหุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ร่วงลง 5.3% โดยบริษัททั้ง 3 แห่งนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน
หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวลงหลังจากราคาน้ำมัน WTI ร่วงลงเกือบ 2% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.3% หุ้นเชฟรอน ลดลง 1.3% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 2.4% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 6.3% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี ร่วงลง 4.5%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.9% หุ้น Nvidia ดิ่งลง 4.1% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 1.4% หุ้นอเมซอนดอทคอม ดิ่งลง 1.8% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ ร่วงลง 2.9% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.3% หุ้นไมโครซอฟท์ ลดลง 1.6%
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มบริษัทผลิตวัคซีนพุ่งขึ้นหลังจากไวรัสโคโรนาแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยหุ้นโค-ไดแอกนอสติกส์ ทะยานขึ้นแข็งแกร่งถึง 82.5% หุ้นนาโนเวอร์ริไซด์ อิงค์ พุ่งขึ้น 87% หุ้นอัลไลด์ เฮลธ์แคร์ โพรดักส์ พุ่งขึ้น 50% หุ้นไอโนวิโอ ฟาร์มาซูติคัลส์ พุ่งขึ้น 26% และหุ้นโนวาแวกซ์ ปรับตัวขึ้นเกือบ 9%
สำหรับข้อมูลเศรษฐสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่ลดลง 0.4% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 694,000 ยูนิต ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 730,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 697,000 ยูนิตในเดือนพ.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนธ.ค., ดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จาก Conference Board, ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนธ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562 (ประมาณการขั้นต้น), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน