ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดบวกเพียงเล็กน้อย หลัง"พาวเวล"ระบุผลกระทบไวรัสโคโรนา

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 30, 2020 06:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (29 ม.ค.) หลังจากบริษัทจดทะเบียนบางแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด ซึ่งรวมถึงแอปเปิล และเจเนอรัล อิเลคทริค (GE) อย่างไรก็ดี ดาวโจนส์ขยับขึ้นเพียงเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปิดในแดนลบ หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่กำลังแพร่ระบาดทั่วโลกในขณะนี้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,734.45 จุด เพิ่มขึ้น 11.60 จุด หรือ +0.04% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,273.40 จุด ลดลง 2.84 จุด หรือ -0.09% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,275.16 จุด เพิ่มขึ้น 5.48 จุด หรือ +0.06%

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กค่อนข้างผันผวนเมื่อคืนนี้ โดยแม้ว่าตลาดได้รับปัจจัยหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน แต่การแสดงความเห็นของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนเริ่มระมัดระวังการซื้อขาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเห็นเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

ในระหว่างการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเมื่อคืนนี้ นายพาวเวลได้กล่าวถึงสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ โดยแสดงความเห็นว่า มีความเป็นไปได้ว่าการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสชนิดนี้จะส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศจีนและทั่วโลก เมื่อพิจารณาจากการใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเดินทางและบริษัทหลายแห่งต้องระงับการดำเนินงานบางส่วนเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส พร้อมกับกล่าวว่า ขณะนี้ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่าผลกระทบนั้นร้ายแรงเพียงใด เนื่องจากยังไม่เป็นที่แน่นอนว่า การแพร่ระบาดจะลุกลามออกไปมากเพียงใด และจะส่งผลกระทบมากเพียงใดต่อเศรษฐกิจมหภาคของจีน บรรดาประเทศคู่ค้า และประเทศทั่วโลก ดังนั้น เฟดจึงต้องจับตาสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด

บริษัทจดทะเบียนหลายแห่งเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาด โดยบริษัทแอปเปิล อิงค์ เปิดเผยรายได้ในไตรมาส 1/2563 สูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 9.18 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นแอปเปิลปิดตลาดดีดตัวขึ้น 2.09%

หุ้น GE ทะยานขึ้น 10.32% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 21 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ระดับ 18 เซนต์/หุ้น

หุ้นแมคโดนัลด์ พุ่งขึ้น 1.89% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 1.97 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 1.96 ดอลลาร์/หุ้น

หุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 1.7% หลังจากโบอิ้งคาดการณ์ว่า ต้นทุนที่เกิดจากการระงับการให้บริการเครื่องบินรุ่น 737 Max นั้น อาจมีมูลค่าเกือบ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งตัวเลขดังกล่าวยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ และยังช่วยชดเชยปัจจัยลบจากการที่บริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุน 636 ล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว

หุ้นแอล แบรนด์ส ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแบรนด์ชุดชั้นใน "วิคตอเรีย ซีเครท" ทะยานขึ้น 12.94% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีท เจอร์นัลรายงานว่า แอล แบรนด์ส มีแผนขายกิจการวิคตอเรีย ซีเครท

หุ้นสตาร์บัคส์ ร่วงลง 2.12% หลังจากบริษัทเปิดเผยถึงผลกระทบของการปิดร้านสตาร์บัคส์หลายแห่งในประเทศจีน อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

หุ้นอีเบย์ ร่วงลง 4.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยผลประกอบการที่ดีเกินคาดในไตรมาส 4/2562 แต่ได้ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 1 ของปีงบการเงิน 2563

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 4.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.2% ในเดือนพ.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2562 (ประมาณการขั้นต้น), ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ