ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากคำสั่งซื้อในช่วงท้ายตลาด หลังจากองค์การอนามัยโลก (WHO) ประกาศให้ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก เพื่อเปิดทางสู่ความร่วมมือในการยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียนบางแห่ง ซึ่งรวมถึงไมโครซอฟท์ และโคคา โคล่า
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,859.44 จุด เพิ่มขึ้น 124.99 จุด หรือ +0.43% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,283.66 จุด เพิ่มขึ้น 10.26 จุด หรือ +0.31% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,298.93 จุด เพิ่มขึ้น 23.77 จุด หรือ +0.26%
ที่ประชุม WHO ประกาศให้เชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขของโลก โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยยกระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ ในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา โดย WHO เชื่อว่า มีความเป็นไปได้ที่จะสามารถยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้ ผ่านทางมาตรการต่างๆตามคำแนะนำของ WHO ซึ่งรวมถึงการวินิจฉัยอาการผู้ป่วยติดเชื้อ การคัดแยก และการรักษาผู้ป่วยติดเชื้อ
นอกจากนี้ ที่ประชุม WHO ไม่ได้บ่งชี้ถึงการขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลจีน และไม่แนะนำให้ประเทศทั่วโลกใช้มาตรการจำกัดด้านการค้าต่อจีน หรือจำกัดการเดินทางไปยังประเทศจีน อันเนื่องมาจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์เนชันแนล ซิเคียวริตีส์ ในรัฐนิวยอร์กกล่าวว่า นักลงทุนขานรับถ้อยแถลงของ WHO เนื่องจากมีความหวังว่า มาตรการของ WHO จะช่วยยับยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
หุ้นโคคา โคล่า พุ่งขึ้น 3.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้ในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 9.07 พันล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 8.89 พันล้านดอลลาร์
หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 10.3% หลังจากเทสลาเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 อยู่ที่ 2.14 ดอลลาร์ต่อหุ้น เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบรายปี จากระดับ 2 ดอลลาร์ต่อหุ้น
หุ้นไมโครซอฟท์ ปรับตัวขึ้น 2.8% ขานรับผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งเกินคาด โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง
อย่างไรก็ดี หุ้นเฟซบุ๊ก ร่วงลง 6.1% หลังจากบริษัทเปิดเผยต้นทุนและค่าใช้จ่ายในปีงบการเงิน 2562 อยู่ที่ 4.671 หมื่นล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 51% จากปี 2561
หุ้นยูไนเต็ด พาร์เซิล เซอร์วิส (UPS) ดิ่งลง 6.7% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการในปีงบการเงิน 2563
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 2.1% สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 7,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 215,000 ราย
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนธ.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน