ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดพุ่ง 407.82 จุด ขานรับจีนออกมาตรการสกัดผลกระทบไวรัสโคโรนา

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday February 5, 2020 06:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 400 จุดเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี Nasdaq ปิดทำนิวไฮ เนื่องจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาด หลังจากธนาคารกลางอัดฉีดสภาพคล่องติดต่อกัน 2 วันเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดการเงิน ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ธนาคารกลางจีนจะเข้าแทรกแซงตลาดเพิ่มเติมเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดี (LPR) และปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR)

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 28,807.63 จุด พุ่งขึ้น 407.82 จุด หรือ +1.44% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,297.59 จุด เพิ่มขึ้น 48.67 จุด หรือ +1.50% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,467.97 จุด เพิ่มขึ้น 194.57 จุด หรือ +2.10%

ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในรอบกว่า 5 เดือนเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังจากธนาคารกลางจีนได้อัดฉีดเงิน 4 แสนล้านหยวนเข้าสู่ระบบการเงินผ่านทางข้อตกลง reverse repo เมื่อวานนี้ นอกเหนือจากที่ได้อัดฉีด 1.2 ล้านล้านหยวนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายที่จะเสริมสภาพคล่องในระบบให้เพียงพอในช่วงเวลาที่จีนกำลังเร่งป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

นอกจากนี้ ธนาคารกลางจีนยังได้สั่งการให้สถาบันการเงินต่างๆ ผ่อนคลายกฎข้อบังคับในการชำระคืนเงินกู้ของภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา พร้อมกับสั่งการให้จัดตั้ง "ช่องทางสีเขียว (green channel)" เพื่อเปิดทางให้การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราและการทำธุรกรรมข้ามพรมแดนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งอำนวยความสะดวกให้กับธุรกิจที่นำเข้าอุปกรณ์สำหรับต้านไวรัสโคโรนา และสนับสนุนเงินทุนให้กับธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมการแพร่ระบาด

ด้านสื่อต่างประเทศรายงานโดยอ้างแหล่งข่าวว่า ธนาคารกลางจีนกำลังเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งรวมถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้าชั้นดี (LPR) ในวันที่ 20 ก.พ. และจะปรับลดสัดส่วนการกันสำรองของสถาบันการเงิน (RRR) ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปพุ่งขึ้นขานรับข่าวจีนออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจ เนื่องจากบริษัทหลายแห่งในภาคส่วนนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน โดยหุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 1.6% แอปเปิล พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ เพิ่มขึ้น 3.08% หุ้นไมโครซอฟท์ พุ่งขึ้น 3.29% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 2.3% หุ้นอเมซอนดอทคอม บวก 2.27% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 2.83% หุ้นบรอดคอม พุ่งขึ้น 2.09%% หุ้นควอลคอมม์ ปรับตัวขึ้น 1.8%

หุ้นเทสลา ทะยานขึ้น 13.73% โดยได้แรงหนุนจากการที่นักวิเคราะห์พากันปรับเพิ่มตัวเลขเป้าหมายราคาหุ้นของบริษัท นอกจากนี้ เทสลายังได้ปัจจัยบวกจากการที่บริษัทพานาโซนิค คอร์ป เปิดเผยว่า ธุรกิจร่วมทุนกับทางบริษัทเทสลาเริ่มมีกำไรเป็นครั้งแรก

หุ้นอีเบย์ พุ่งขึ้น 8.78% หลังจากหนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทรายงานว่า บริษัทอินเตอร์คอนติเนนตัล เอ็กซ์เชนจ์ ได้ยื่นข้อเสนอเพื่อเทคโอเวอร์กิจการอีเบย์

หุ้นราล์ฟ ลอเรน ผู้ผลิตและจำหน่ายแบรนด์แฟชั่นชั้นนำของสหรัฐ พุ่งขึ้น 9.2% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.75 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 3 ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 28 ธ.ค. 2562 ตามปีงบการเงินของบริษัท โดยตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 1.72 พันล้านดอลลาร์

หุ้นบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์กปรับตัวขึ้นเช่นกัน นำโดยหุ้น ทริปดอทคอม กรุ๊ป พุ่งขึ้น 5.4% หุ้นแซดทีโอ เอ็กซ์เพรส ปรับตัวขึ้น 4.7% และหุ้นอาลีบาบา พุ่งขึ้น 4.5%

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.8% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนส.ค.2561 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.2% หลังจากร่วงลง 1.2% ในเดือนพ.ย.

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนม.ค.จาก ADP, ดุลการค้าเดือนธ.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนม.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนธ.ค.


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ