ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรงตัวเมื่อคืนนี้ (11 ก.พ.) ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq เดินหน้าทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 หลังจากมีรายงานว่าจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนารายใหม่ในจีนเริ่มชะลอตัวลง ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาชื่อดังของจีนได้แสดงความเชื่อมั่นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาจะเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้แสดงมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,276.34 จุด ลดลง 0.48 จุด หรือ -0.00% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,357.75 จุด เพิ่มขึ้น 5.66 จุด หรือ +0.17% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,638.94 จุด เพิ่มขึ้น 10.55 จุด หรือ +0.11%
นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ หลังจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงเมื่อวานนี้ว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา ณ วันที่ 10 ก.พ. เพิ่มขึ้น 2,478 ราย รวมเป็น 42,638 ราย โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ถือว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.
ทางด้านนายโซ่ง หนานชาน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของจีนซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลกในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงหรือซาร์ส (SARS) ในปี 2546 นั้น ได้แสดงความเห็นว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในจีนจะแตะระดับสูงสุดในเดือนนี้ ก่อนที่จะทรงตัว และเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า พร้อมกับกล่าวว่า สถานการณ์ในจีนในขณะนี้เริ่มดีขึ้นแล้ว โดยจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ได้เริ่มลดลง
นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟดซึ่งแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัวปานกลาง ขณะที่ปัจจัยพื้นฐานที่ช่วยสนับสนุนการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนก็ยังคงมีความแข็งแกร่ง และตลาดแรงงานมีการจ้างงานจำนวนมาก ขณะเดียวกันนายพาวเวลกล่าวว่า เฟดกำลังจับตาผลกระทบของไวรัสโคโรนาที่จะมีเศรษฐกิจจีนและทั่วโลก
หุ้นที-โมบาย (T-Mobile) พุ่งขึ้น 11.78% ขณะที่หุ้นสปรินท์ (Sprint) ทะยานขึ้น 77.32% หลังจากศาลสหรัฐอนุมัติให้ทั้งสองบริษัทควบรวมกิจการกัน อย่างไรก็ดี การทำธุรกรรมควบรวมกิจการในวงเงิน 2.6 หมื่นล้านดอลลาร์ครั้งนี้ ยังคงต้องได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมาธิการสาธารณูปโภคแห่งรัฐแคลิฟอร์เนีย
หุ้นโฮมดีโปท์ ปรับตัวขึ้น 0.4% หลังจากบริษัทประกาศจ้างงานจำนวน 80,000 ตำแหน่งสำหรับเทศกาลในช่วงฤดูใบไม้ผลิ
หุ้นอันเดอร์ อาร์เมอร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องกีฬาและเสื้อผ้ากีฬารายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 18.8% หลังจากบริษัทออกแถลงการณ์เตือนว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาในจีนอาจกระทบยอดขายราว 50-60 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงหลังจากคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FTC) มีคำสั่งให้บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการควบรวมกิจการ แม้เป็นธุรกรรมการควบรวมที่มีขนาดเล็กก็ตาม โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.2% หุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 2.7% หุ้นแอปเปิล ลดลง 0.6% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ลดลง 0.14%
หุ้นกู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ ร่วงลง 1.36% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและรายได้ในไตรมาส 4/2562 ที่ต่ำกว่าคาด พร้อมระบุว่า การดำเนินงานของกู๊ดเยียร์ในประเทศจีนได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สำนักงานสถิติของกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยผลสำรวจการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) พบว่า ตัวเลขการเปิดรับสมัครงาน ซึ่งเป็นมาตรวัดอุปสงค์ในตลาดแรงงาน ดิ่งลง 8% สู่ระดับ 6.4 ล้านตำแหน่งในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2560 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 6.9 ล้านตำแหน่ง จากระดับ 6.8 ล้านตำแหน่งในเดือนพ.ย.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน