ดัชนีดาวโจนส์, S&P500 และ Nasdaq ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮเมื่อคืนนี้ (12 ก.พ.) ขานรับความหวังที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะบรรเทาลงในไม่ช้านี้ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ในจีนอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากถ้อยแถลงของนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งส่งสัญญาณความพร้อมที่จะดำเนินนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,551.42 จุด พุ่งขึ้น 275.08 จุด หรือ +0.94% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,379.45 จุด เพิ่มขึ้น 21.70 จุด หรือ +0.65% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,725.96 จุด เพิ่มขึ้น 87.02 จุด หรือ +0.90%
นักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 หลังจากคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) แถลงเมื่อวานนี้ว่า ณ วันอังคารที่ 11 ก.พ. จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 2,015 ราย ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในสัดส่วนต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์หรือนับตั้งแต่วันที่ 30 ม.ค. โดยข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับที่นายโซ่ง หนานชาน ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาของจีนได้แสดงความเห็นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีนจะเบาบางลงในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนหลังจากนายพาวเวลแถลงต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาเมื่อวานนี้ว่า แนวทางในการจัดการกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งต่อไปนั้น เฟดจะรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำ รวมทั้งจะเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวจำนวนมากในโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อกดดันอัตราดอกเบี้ยระยะยาวให้อยู่ในระดับต่ำเพื่อพยุงเศรษฐกิจ โดยมาตรการเหล่านี้เป็นสิ่งที่เฟดเคยใช้ในช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน แต่มาตรการดังกล่าวยังไม่มีความจำเป็นในขณะนี้
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้นขานรับสถานการณ์เชิงบวกของไวรัสโควิด-19 ในจีน เนื่องจากบริษัทหลายแห่งในภาคส่วนนี้มีการลงทุนจำนวนมากในประเทศจีน โดยหุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 2.37% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ทะยานขึ้น 3.5% หุ้น Nvidia พุ่งขึ้น 1.7% หุ้นเน็ตฟลิกซ์ พุ่งขึ้น 1.69% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ พุ่งขึ้น 1.63% หุ้นควอลคอมม์ เพิ่มขึ้น 1.9% หุ้นบรอดคอมม์ ปรับตัวขึ้น 1.4% หุ้นไมโครซอฟท์ บวก 0.15% หุ้นอเมซอนดอทคอม บวก 0.43%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ทะยานขึ้นกว่า 2% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 1.2% หุ้นเชฟรอน เพิ่มขึ้น 0.7% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 2.8% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี บวก 3.2% หุ้นอาปาเช คอร์ป พุ่งขึ้น 1.1%
หุ้นกลุ่มธุรกิจประกันสุขภาพพุ่งขึ้น เนื่องจากนักลงทุนมองว่า นายเบอร์นี แซนเดอร์ส อาจได้รับเลือกให้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเพื่อลงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐแข่งกับโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งเป็นการเพิ่มโอกาสให้กับทรัมป์ในการนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัยและเดินหน้าสานต่อนโยบายประกันสุขภาพต่อไป ทั้งนี้ หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์กรุ๊ป พุ่งขึ้น 4.3% หุ้นฮูมานา พุ่งขึ้น 4.6% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ บวก 0.67%
หุ้นซีวีเอส เฮลธ์ คอร์ป ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายยารายใหญ่ของสหรัฐ ปิดตลาดขยับลง 0.1% หลังจากทะยานขึ้นในระหว่างวัน จากการที่ตลาดขานรับผลกำไรในไตรมาส 4 ของบริษัทซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.73 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 1.68 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้น CME Group Inc ซึ่งเป็นบริษัทบริหารจัดการตลาดซื้อขายล่วงหน้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลง 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4 ที่ระดับ 1.52 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.55 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นแบร์ริค โกลด์ คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตทองรายใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ปิดขยับลง 0.16% หลังจากที่พุ่งขึ้นในระหว่างวัน จากการที่บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 17 เซนต์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 14 เซนต์/หุ้น
หุ้น Lyft ผู้ให้บริการรถร่วมเดินทาง ซึ่งเป็นคู่แข่งรายสำคัญของ Uber ร่วงลง 10.16% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ในปีงบการเงิน 2563
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายธนาคารเพื่อการจำนอง (MBA) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า จำนวนผู้ยื่นขอสินเชื่อเพื่อการจำนองเพิ่มขึ้น 1.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองปรับตัวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนม.ค., ยอดค้าปลีกเดือนม.ค., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนม.ค., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน