ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลงกว่า 100 จุดในวันนี้ ขณะที่ปรับตัวลงเป็นวันทำการที่ 3 โดยการที่บริษัทแอปเปิล อิงค์ยอมรับว่ารายได้อาจต่ำกว่าคาด อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในจีน ทำให้นักลงทุนกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน และเศรษฐกิจโลก
ณ เวลา 22.17 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 29,270.47 จุด ลบ 127.61 จุด หรือ 0.43%
ราคาหุ้นแอปเปิล อิงค์ดิ่งลงกว่า 2% หลังบริษัทยอมรับว่ารายได้ในเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ตามปีงบการเงินของบริษัท อาจต่ำกว่าคาด อันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
แอปเปิลระบุว่า การผลิต iPhone ในจีนได้สะดุดลงชั่วคราว เนื่องจากสายการผลิตได้หยุดชะงักลง ขณะที่จีนประกาศขยายวันหยุดในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้ร้านค้าและโรงงานจำนวนปิดการดำเนินงานนานกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้
ก่อนหน้านี้ แอปเปิลคาดการณ์ว่า รายได้ของบริษัทจะอยู่ในช่วง 6.3-6.7 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ตามปีงบการเงินของบริษัท
ราคาหุ้นบริษัทวอลมาร์ท ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกใหญ่ที่สุดในโลก ร่วงลงในวันนี้ หลังเปิดเผยตัวเลขกำไรและรายได้ในไตรมาส 4 ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ วอลมาร์ทระบุว่า บริษัทมีกำไร 1.38 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.43 ดอลลาร์/หุ้น
ขณะเดียวกัน บริษัทมีรายได้ 1.417 แสนล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.425 แสนล้านดอลลาร์
ส่วนยอดขายในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.9% ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 2.3%
นักลงทุนยังคงมีความวิตกเกี่ยวกับจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ ออกรายงานระบุว่า การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จะเพิ่มแรงกดดันต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเอเชีย-แปซิฟิก โดยเฉพาะในภาคการค้าและการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ มูดี้ส์ยังเตือนเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่โรงงานจำนวนมากในจีนปิดทำการ อันเนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
มูดี้ส์ยังได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนในปีนี้ สู่ระดับ 5.2% จากเดิมที่ระดับ 5.8% โดยระบุว่า "การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจที่รุนแรง แต่กินเวลาไม่มาก ขณะที่ผลกระทบลุกลามต่อเศรษฐกิจทั่วภูมิภาค"
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์ก รายงานในวันนี้ว่า ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Index) เพิ่มขึ้น 8.1 จุด สู่ระดับ 12.9 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปีที่แล้ว และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 4.0
ดัชนีภาคการผลิตได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่ แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี ขณะที่ความเชื่อมั่นต่อภาวะธุรกิจในช่วง 6 เดือนข้างหน้าอยู่ในระดับทรงตัว
ดัชนียังคงอยู่สูงกว่าระดับ 0 ซึ่งบ่งชี้ถึงการขยายตัวของภาคการผลิตในนิวยอร์ก