ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทรุดตัวลงกว่า 1,000 จุดเมื่อคืนนี้ (24 ก.พ.) หลังจากมีรายงานว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) นอกประเทศจีนมีจำนวนเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลว่า การลุกลามอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19 อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิป กลุ่มสายการบิน กลุ่มธุรกิจเรือสำราญ และกลุ่มโรงแรม ต่างก็ร่วงลงอย่างหนัก อันเนื่องมาจากความกังวลในเรื่องดังกล่าว
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,960.80 จุด ร่วงลง 1,031.61 จุด หรือ -3.56% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,225.89 จุด ร่วงลง 111.86 จุด หรือ -3.35% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,221.28 จุด ดิ่งลง 355.31 จุด หรือ -3.71%
ดัชนีดาวโจนส์ทำสถิติร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ. 2561 ส่งผลให้ดาวโจนส์ลบช่วงบวกทั้งหมดที่ทำไว้ตั้งแต่ต้นปี 2563 เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นอย่างตื่นตระหนก และแห่เข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นทองคำและพันธบัตร หลังจากมีรายงานว่าผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศ รวมถึงอิหร่าน อิตาลี และเกาหลีใต้ มีจำนวนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันมีรายงานพบผู้ติดเชื้อรายแรกในอัฟกานิสถาน และคูเวตยืนยันพบผู้ติดเชื้อ 3 ราย ซึ่งเป็นการพบกรณีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ครั้งแรกในคูเวต
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงกดดันจากการที่โกลด์แมน แซคส์ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐประจำไตรมาสแรกลงสู่ระดับ 1.2% จากเดิมที่ระดับ 1.4% โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในประเทศต่างๆ
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและผู้ผลิตชิปร่วงลงอย่างหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งหุ้นของบริษัทที่ลงทุนในประเทศจีน โดยหุ้นแอปเปิล ร่วงลง 4.75% หุ้นไมโครซอฟท์ ดิ่งลง 4.3% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 4.29% หุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 4.5% หุ้นอเมซอนดอทคอม ร่วงลง 4.14% หุ้นอินเทล ร่วงลง 4.01% หุ้นไมครอน เทคโนโลยี ลดลง 3.47% หุ้นซิสโก ซิสเต็มส์ ดิ่งลง 4.96% หุ้น Nvidia ทรุดลง 7.07% หุ้นแอดวานซ์ ไมโคร ดิไวซ์ (เอเอ็มดี) ร่วงลง 7.8%
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 3.26% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 6.29% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ร่วงลง 4.25% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ทรุดลง 8.5% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ร่วงลง 5.97%
หุ้นกลุ่มธุรกิจเรือสำราญปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 9.4% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 8.9% และหุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง ดิ่งลง 3.93%
ส่วนหุ้นในกลุ่มโรงแรมและกาสิโนร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 5.8% หุ้นเอ็มจีเอ็ม รีสอร์ท อินเตอร์เนชันแนล ดิ่งลง 5.38% หุ้นลาเวกัส แซนด์ส คอร์ป ร่วงลง 5.17% หุ้นวินน์ รีสอร์ท ดิ่งลง 6.08% และหุ้นเมลโค รีสอร์ท แอนด์ เอนเตอร์เทนเมนท์ ร่วงลง 4.08%
หุ้นเทสลา ร่วงลง 7.46% จากความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 เนื่องจากเทสลามีโรงงานผลิตรถยนต์หลายแห่งในจีน
หุ้นกลุ่มธนาคารดิ่งลง หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวของสหรัฐทรุดตัวลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 4.7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 5.2% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 2.6% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 2.7% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 2.75%
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาชิคาโก เปิดเผยว่า ดัชนี Chicago Fed National Activity Index (CFNAI) ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ -0.25 ในเดือนม.ค. หลังจากแตะระดับ -0.51 ในเดือนธ.ค. โดยดัชนี CFNAI เป็นดัชนีถ่วงน้ำหนักตัวชี้วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐจำนวน 85 รายการ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาบ้านเดือนธ.ค.จากเอสแอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์, ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จาก Conference Board, ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน