ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 เมื่อคืนนี้ (25 ก.พ.) โดยทั้งดัชนีดาวโจนส์ และ S&P500 ดิ่งลงมากกว่า 3% หลังจากเจ้าหน้าที่ระดับสูงของศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ออกมาเตือนให้ชาวอเมริกันเตรียมพร้อมกับมือกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ที่อาจแพร่ระบาดอย่างหนักในสหรัฐ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับผลกระทบของการแพร่ระบาด ขณะที่รายงานล่าสุดระบุว่าขณะนี้ไวรัสโควิด-19 กำลังลุกลามไปยังหลายประเทศ ซึ่งรวมถึงสวิตเซอร์แลนด์
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,081.36 จุด ร่วงลง 879.44 จุด หรือ -3.15% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,128.21 จุด ลดลง 97.68 จุด หรือ -3.03% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,965.61 จุด ดิ่งลง 255.67 จุด หรือ -2.77%
ดร.แนนซี เมสซันเนียร์ ผู้อำนวยการศูนย์ภูมิคุ้มกันและโรคทางเดินหายใจแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ได้ออกมาเตือนให้ชาวอเมริกันเตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยกล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐอาจจะอยู่ในขั้นร้ายแรง ขณะที่ข้อมูลของ CDC ณ วันอังคารที่ 25 ก.พ.ระบุว่า จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐเพิ่มขึ้นเป็น 57 ราย
ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ CDC ทำให้นักลงทุนวิตกกังวลมากขึ้นว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจลุกลามไปทั่วโลกและส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดสวิสเซอร์แลนด์ยืนยันพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกในประเทศ ส่งผลให้สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศที่ 9 ในยุโรปที่มีรายงานการติดเชื้อไวรัสโควิด-19
ขณะที่อิหร่านยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตจากไวรัสดังกล่าว 16 ราย ส่งผลให้อิหร่านกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตมากที่สุดจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 นอกเหนือจากจีน
หุ้นกลุ่มสายการบิน กลุ่มโรงแรม และกลุ่มเรือสำราญ ยังคงร่วงลงอย่างหนักเนื่องจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 6.5% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ ดิ่งลง 6.18% หุ้นเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ส ร่วงลง 8.2% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ร่วงลง 9.16%
หุ้นหุ้นแมริออท อินเตอร์เนชั่นแนล ร่วงลง 7.97% หุ้นคาร์นิวัล คอร์ป ดิ่งลง 5.08% หุ้นรอยัล คาริบเบียน ครูซ ร่วงลง 7.26% และหุ้นนอร์เวย์เจียน ครูซ ไลน์ โฮลดิ้ง ทรุดลง 16.6%
หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลงเช่นกัน โดยหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 4.36% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 2.3% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ร่วงลง 4.5% หุ้น 3M ร่วงลง 3.72% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ทรุดลง 5.3%
หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีดิ่งลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 1.65% หุ้นแอปเปิล ดิ่งลง 3.39% หุ้นอัลฟาเบท ร่วงลง 2.36% หุ้นเฟซบุ๊ก ลดลง 1.97% หุ้นอเมซอนดอทคอม ลดลง 1.8% หุ้นอินเทล ร่วงลง 3.29%
หุ้นโฮม ดีโปท์ ซึ่งเป็นบริษัทจำหน่ายสินค้าตกแต่งบ้านรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ปรับตัวลง 1.02% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 2.28 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.10 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นเมซีส์ อิงค์ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ดิ่งลง 5.4% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรในไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 2.12 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.96 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นมาสเตอร์การ์ด ร่วงลง 6.76% หลังจากบริษัทปรับลดตัวเลขคาดการณ์การเติบโตของรายได้ในไตรมาสแรกปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจเป็นวงกว้าง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐเพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนพ.ย.
ขณะที่ผลสำรวจของ Conference Board ซึ่งเป็นสถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 130.7 ในเดือนก.พ. จากระดับ 130.4 ในเดือนม.ค. แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 132.6
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ยอดขายบ้านใหม่เดือนม.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนม.ค., ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4 (ประมาณการครั้งที่ 2), ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนม.ค., ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนม.ค., สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนก.พ.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน