ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทะยานขึ้นกว่า 300 จุด โดยตลาดสามารถฟื้นตัวขึ้น หลังจากทรุดตัวลงก่อนหน้านี้ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ บรรยากาศซื้อขายในตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการเปิดเผยยอดขายบ้านใหม่พุ่งสูงสุดรอบ 12 ปีครึ่งในเดือนม.ค.
ณ เวลา 22.30 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,423.49 จุด บวก 342.13 จุด หรือ 1.25%
ดัชนีความผันผวน CBOE หรือ CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาด ปรับตัวลงสู่ระดับ 25.34 จุดในวันนี้ หลังจากพุ่งแตะ 27.85 จุดเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนธ.ค.2561
นักลงทุนจับตาประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะจัดการแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับเจ้าหน้าที่จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) เกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
การแถลงข่าวดังกล่าวจะมีขึ้นในวันนี้เวลา 18.00 น.ตามเวลาสหรัฐ หรือพรุ่งนี้เช้าเวลา 06.00 น.ตามเวลาไทย
คาดว่าปธน.ทรัมป์จัดการแถลงข่าวดังกล่าวเพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อชาวอเมริกัน โดยเฉพาะนักลงทุนในตลาดหุ้นวอลล์สตรีท หลังจากดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงอย่างหนัก ท่ามกลางความวิตกของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ไปทั่วโลก
ปธน.ทรัมป์ประกาศดังกล่าว หลังจากที่ได้โจมตีสื่อที่ได้สร้างความตื่นตระหนกต่อตลาด ด้วยการกระพือข่าวเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังได้โจมตีพรรคเดโมแครตที่ได้วิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลสหรัฐในการรับมือการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยปธน.ทรัมป์อ้างว่าพรรคเดโมแครต"เก่งแต่พูด แต่ไม่ยอมทำอะไร"เพื่อช่วยคลี่คลายสถานการณ์ในขณะนี้
หนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์รายงานว่า ปธน.ทรัมป์แสดงความไม่พอใจที่เห็นว่าตลาดหุ้นทรุดตัวลงในระยะนี้ ซึ่งเขาเชื่อว่ามีสาเหตุจากการที่เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐออกมาเตือนเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ ทำให้นักลงทุนเกิดความตื่นตระหนกจนพากันเทขายหุ้นในตลาด
ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคสหรัฐ (CDC) ออกมาเตือนให้ชาวอเมริกันเตรียมพร้อมรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยระบุว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดในสหรัฐอาจอยู่ในขั้นร้ายแรง ซึ่งในขณะนี้ สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 57 ราย โดยในจำนวนนี้มี 4 รายที่เป็นผู้ป่วยติดเชื้อจากเรือสำราญไดมอนด์ พรินเซส
วอชิงตัน โพสต์เปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์ได้กำชับเจ้าหน้าที่ของเขามิให้ทำการคาดการณ์ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว เนื่องจากวิตกว่าจะทำให้ตลาดหุ้นร่วงลงต่อไป
ดัชนีดาวโจนส์ทรุดตัวลงกว่า 2,200 จุดในการซื้อขายตั้งแต่วันที่ 20 ก.พ.จนถึงเมื่อวานนี้ ขณะที่นักลงทุนกังวลว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก
ตลาดหุ้นสหรัฐทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วง 2 วันที่ผ่านมา โดยดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลง 6.59% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงรุนแรงที่สุดในช่วง 2 วันนับตั้งแต่เดือนก.พ.2561
อย่างไรก็ดี ข้อมูลทางสถิติระบุว่า หากตลาดหุ้นวอลล์สตรีททรุดหนักเป็นเวลา 2 วัน ดัชนีดาวโจนส์ก็มักจะดีดตัวขึ้นในไม่ช้า เนื่องจากการดิ่งลงของดัชนีเป็นไปอย่างรุนแรงและรวดเร็วเกินไป
ทั้งนี้ Kensho ซึ่งเป็นระบบวิเคราะห์ข้อมูลตลาด บ่งชี้ว่า ในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา หากดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงกว่า 6% ในช่วงเวลา 2 วัน ก็จะมีโอกาส 75% ที่ดัชนีดาวโจนส์จะพุ่งขึ้นในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยดีดตัวเฉลี่ย 2.7% และมีโอกาส 88% ที่จะทะยานขึ้นในเดือนต่อไป โดยดีดตัวเฉลี่ย 3.14%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 7.9% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 764,000 ยูนิต ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ค.2550 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 710,000 ยูนิต หลังจากแตะระดับ 708,000 ยูนิตในเดือนธ.ค.
ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้นทุกภูมิภาค ยกเว้นภาคใต้ที่ดิ่งลง 4.4%
เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านใหม่พุ่งขึ้น 18.6% ในเดือนม.ค.
นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านใหม่ทะยานขึ้น 14.0% สู่ระดับ 348,200 ดอลลาร์ในเดือนม.ค.
ส่วนสต็อกบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 0.3% สู่ระดับ 324,000 ยูนิตในเดือนม.ค.
เมื่อพิจารณายอดขายบ้าน และสต็อกบ้านในตลาด พบว่า ผู้ขายบ้านต้องใช้เวลา 5.1 เดือนในการขายบ้านจนหมดสต็อกในตลาด ลดลงจากระดับ 5.5 เดือนในเดือนธ.ค.