ดัชนีดาวโจนส์ดิ่งลงอย่างต่อเนื่องในวันนี้ ล่าสุดทรุดตัวลงเกือบ 900 จุด ใกล้หลุดระดับ 26,000 จุด ท่ามกลางความกังวลที่ว่า สหรัฐจะเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ณ เวลา 22.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 26,038.04 จุด ลบ 898.31 จุด หรือ 3.33%
การทรุดตัวของตลาดหุ้นวอลล์สตรีทในวันนี้ ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์เข้าสู่เขตปรับฐาน โดยได้ดิ่งลง 10% จากระดับปิดตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ทำไว้ก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) แถลงว่า มีการพบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกที่ไม่ทราบต้นตอของการติดเชื้อ ซึ่งอาจบ่งชี้การแพร่ระบาดในชุมชนเป็นครั้งแรกในสหรัฐ หลังจากที่เกิดขึ้นมาแล้วในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้
แถลงการณ์จาก CDC ระบุว่า ผู้ป่วยรายนี้มาจากเขตโซลาโน รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไม่มีประวัติการเดินทางไปยังพื้นที่เสี่ยง และไม่พบว่ามีความสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อรายอื่นๆ
ปัจจุบัน ผู้ติดเชื้อรายนี้กำลังเข้ารับการรักษาในเขตซาคราเมนโต
แถลงการณ์ระบุว่า ขณะนี้สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 60 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อพยพมาจากเมืองอู่ฮั่นของจีน ซึ่งเป็นต้นตอการแพร่ระบาด และมาจากเรือสำราญไดมอนด์ พรินเซส ซึ่งเคยถูกกักกันอยู่ที่ญี่ปุ่น
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จัดการแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนเกี่ยวกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยกล่าวว่า สหรัฐพร้อมที่จะรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว และจะดำเนินการทุกอย่างที่จำเป็นในช่วงเวลาที่ไวรัสกำลังแพร่ระบาด พร้อมประกาศว่า เขาได้มอบหมายให้นายไมค์ เพนซ์ รองประธานาธิบดีสหรัฐ เป็นผู้รับผิดชอบในการรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปธน.ทรัมป์กล่าวว่า การผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 กำลังอยู่ในขั้นตอนที่มีความคืบหน้า และรัฐบาลจะผลักดันให้สภาคองเกรสจัดหางบประมาณเพิ่มขึ้นในการรับมือกับไวรัสดังกล่าว
ปธน.ทรัมป์ยังกล่าวว่า เขายังคงเชื่อว่าความเสี่ยงของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐนั้น ยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำมาก แม้มีกระแสความวิตกกังวลว่าไวรัสดังกล่าวอาจแพร่ระบาดไปทั่วโลก และเชื่อว่าจะไม่เกิดการแพร่ระบาดเป็นวงกว้างในสหรัฐ แม้ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐได้ออกมาเตือนให้ชาวอเมริกันเตรียมรับมือกับการแพร่ระบาดที่อาจมีความรุนแรง
ราคาหุ้นของบริษัท Gilead Sciences Inc ซึ่งเป็นผู้ผลิตยาต้านเอดส์รายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้นสวนตลาด หลังเปิดเผยว่า ทางบริษัทจะเริ่มทำการทดลองยา remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัส กับผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวนราว 1,000 รายในประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียในเดือนมี.ค. รวมทั้งในประเทศที่มีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสดังกล่าวจำนวนมาก
เจ้าหน้าที่ระบุว่า จะมีการทดสอบยา remdesivir กับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงราว 400 ราย เพื่อดูว่ายาดังกล่าวสามารถลดไข้ของผู้ป่วย และสร้างสมดุลของออกซิเจนในเลือดได้หรือไม่
นอกจากนี้ จะมีการทดสอบยา remdesivir กับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงราว 600 ราย
เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขของสหรัฐกล่าวว่า ขณะนี้มีการเริ่มทดสอบทางคลินิคสำหรับยา remdesivir ต่อคนไข้ในโรงพยาบาลแล้ว
นายแพทย์บรู๊ซ เอลเวิร์ด ซึ่งเป็นแพทย์ประจำองค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า remdesivir เป็นยาตัวเดียวในขณะนี้ที่มีประสิทธิภาพในการต้านไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เคยมีการทดสอบกับผู้ป่วย 2 รายในเมืองอู่ฮั่นของจีน
นอกจากนี้ ยังมีการใช้ยา remdesivir ในการรักษาผุ้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายแรกในสหรัฐ ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นในวันรุ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน remdesivir ยังเป็นยาที่มีประสิทธิภาพในการต้านโคโรนาไวรัสที่เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรค SARS และ MERS
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 2 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 2.1% สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ ขณะที่ได้แรงหนุนจากการลดลงของมูลค่าการนำเข้า
อย่างไรก็ดี การใช้จ่ายของผู้บริโภค, การลงทุนในภาคธุรกิจ และการใช้จ่ายของรัฐบาลได้ชะลอตัวในไตรมาส 4/2562
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 3/2562 และ 2.0% ในไตรมาส 2 ขณะที่ไตรมาส 1 มีการเติบโต 3.1%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในปี 2562 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยต่ำกว่าระดับ 2.9% ในปี 2561 และ 2.4% ในปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่เขาตั้งเป้าการขยายตัวรายปีของเศรษฐกิจสหรัฐที่ระดับ 3% ในช่วงการดำรงตำแหน่งของเขา