ตลาดหุ้นยุโรปปิดดิ่งลงอีกครั้งเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะแพร่ระบาดเป็นวงกว้างทั่วโลก (pandemic) หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งขึ้นอย่างมากนอกประเทศจีน และอาจส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ การเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไรของบริษัทชั้นนำในยุโรป ถ่วงตลาดลงด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 3.75% ปิดที่ 389.45 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,495.60 จุด ร่วงลง 188.94 จุด หรือ -3.32%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 12,367.46 จุด ร่วงลง 407.42 จุด หรือ -3.19% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,796.40 จุด ร่วงลง 246.07 จุด หรือ -3.49%
ตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลงจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยรัฐบาลประเทศต่างๆ ได้เพิ่มมาตรการเพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดทั่วโลก ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีน สูงกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อในจีนแล้วในขณะนี้
ตลาดยังถูกกดดันจากการที่บริษัทจดทะเบียนชั้นนำของยุโรปหลายแห่งออกมาประกาศเตือนเกี่ยวกับแนวโน้มผลกำไร โดยหุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 3.55% หลังเปิดเผยว่า ธนาคารจะต้องใช้เวลานานขึ้นในการบรรลุเป้าหมายผลประกอบการที่ตั้งไว้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อจีนและฮ่องกงซึ่งเป็นตลาดสำคัญของธนาคาร
หุ้นเอบี อินเบฟ บริษัทผลิตเบียร์รายใหญ่ที่สุดของโลก ดิ่งลง 10.97% หลังคาดว่าธุรกิจจะมีการขยายตัวอย่างซบเซาในปีนี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นักวิเคราะห์กล่าวว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอันเนื่องมาจากผลกระทบของโควิด-19 นั้น ทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนในตลาดหุ้น
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว, กลุ่มธนาคาร, กลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มค้าปลีก ร่วงลงอย่างหนัก โดยหุ้นอีฟแรซและหุ้น TUI ของอังกฤษ ร่วง 10.52% และ 8.15% ตามลำดับ, หุ้นโซซิเอเต เจเนอราล และหุ้นเอสทีไมโครอิเล็กทรอนิกส์ ของฝรั่งเศส ร่วงลง 6.44% และ 7.04% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นดอยซ์แบงก์ และหุ้นลุฟต์ฮันซา ของเยอรมนี ร่วง 6.39% และ 6.05% ตามลำดับ