ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) สู่ เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่าเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) จะระบาดเป็นวงกว้างทั่วโลก (pandemic) หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนพุ่งขึ้นมากกว่าในประเทศจีนซึ่งเป็นต้นตอของการแพร่ระบาดแล้วในขณะนี้ นอกจากนี้ ท่าทีที่แข็งกร้าวของอังกฤษในการเจรจาการค้ากับสหภาพยุโรป (EU) ได้สร้างแรงกดดันต่อตลาดด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,796.40 จุด ลดลง 246.07 จุด หรือ -3.49%
ดัชนี FTSE 100 ร่วงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค. 2562 เนื่องจากนักลงทุนได้เทขายหุ้นออกมา โดยเฉพาะกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อาทิ กลุ่มธนาคาร, กลุ่มเหมืองแร่, กลุ่มรถยนต์, กลุ่มท่องเที่ยว และกลุ่มน้ำมัน
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ต่อห่วงโซ่อุปทานและภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก
หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 3.55% หลังเปิดเผยว่า ธนาคารจะต้องใช้เวลานานขึ้นในการบรรลุเป้าหมายผลประกอบการที่ตั้งไว้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อจีนและฮ่องกงซึ่งเป็นตลาดที่สำคัญของธนาคาร
หุ้นธนาคารเอชเอสบีซี ร่วงลง 4.63% ขณะที่หุ้นอีฟแรซในกลุ่มเหมืองแร่ และหุ้น TUI ในกลุ่มท่องเที่ยว ร่วงลง 10.52% และ 8.15% ตามลำดับ