ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางที่สำคัญๆ เตรียมออกมาตรการพิเศษเพื่อช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) นอกจากนี้ การพุ่งขึ้นของราคาน้ำมันดิบได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซทะยานขึ้นด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 0.09% ปิดที่ 375.97 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,333.52 จุด เพิ่มขึ้น 23.62 จุด หรือ +0.44% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,654.89 จุด เพิ่มขึ้น 74.28 จุด หรือ +1.13% ส่วนดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 11,857.87 จุด ลดลง 32.48 จุด หรือ -0.27%
ตลาดปรับตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าช้อนชื้อหุ้นหลังขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นายหลุยส์ เดอ กวินโดส รองประธาน ECB กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และ ECB พร้อมที่จะออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว
บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.10% ในการประชุมวันที่ 10 เม.ย.
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดจะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยเฟดจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ และจะใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อหนุนเศรษฐกิจ
การแสดงความเห็นของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนในตลาดการเงินมองว่า ประธานเฟดกำลังส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 100% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% จากระดับ 1.50-1.75% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีนี้ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
ราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้นช่วยหนุนหุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเชลล์ และหุ้นบีพีของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2.91% และ 3.81% ตามลำดับ
หุ้นคาร์ฟูร์, หุ้นลอรีอัล และหุ้นชไนเดอร์ อิเล็กทริกของฝรั่งเศส ปรับตัวขึ้น 4.12%, 2.70% และ 1.92% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นไบเออร์สดอร์ฟ และหุ้นเมิร์คของเยอรมนี บวก 2.09% และ 1.97% ตามลำดับ