ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (2 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางต่างๆ จะออกมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19)
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,654.89 จุด เพิ่มขึ้น 74.28 จุด หรือ +1.13%
ตลาดดีดตัวขึ้น เนื่องจากนักลงทุนกลับเข้าช้อนซื้อหุ้น หลังขานรับการคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
นายหลุยส์ เดอ กวินโดส รองประธาน ECB กล่าวว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เพิ่มความไม่แน่นอนให้กับแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และ ECB พร้อมที่จะออกมาตรการเพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสดังกล่าว
บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.10% ในการประชุมวันที่ 10 เม.ย.
ด้านนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด กล่าวว่า เฟดจะจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด โดยเฟดจะใช้เครื่องมือที่มีอยู่ และจะใช้มาตรการที่เหมาะสม เพื่อหนุนเศรษฐกิจ
การแสดงความเห็นของนายพาวเวลทำให้นักลงทุนในตลาดการเงินมองว่า ประธานเฟดกำลังส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.
FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในการประชุมเดือนนี้ เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดการณ์ว่า เฟดมีแนวโน้ม 100% ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% จากระดับ 1.50-1.75% สู่ระดับ 1.00-1.25% ในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคาดว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 2 ของปีนี้ในเดือนมิ.ย. และครั้งที่ 3 ในเดือนก.ย.
ด้านนายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษเปิดเผยว่า อังกฤษจำเป็นต้องเตรียมพร้อมรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจะประกาศแผนการรับมือโรคระบาดดังกล่าวในวันอังคารนี้
หุ้นกลุ่มน้ำมันปรับตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบที่พุ่งขึ้น โดยหุ้นเชลล์ และหุ้นบีพีของอังกฤษ พุ่งขึ้น 2.91% และ 3.81% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ และกลุ่มสินค้าหรูหรา ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นเกล็นคอร์ บวก 0.03%, หุ้นแองโกลอเมริกัน เพิ่มขึ้น 2.95% และหุ้นเบอเบอร์รี บวก 0.73%