ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดทะยานขึ้นกว่า 1,100 จุดเมื่อคืนนี้ (4 มี.ค.) หลังจากมีรายงานว่า นายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐ มีแนวโน้มที่จะได้รับชัยชนะในศึก"ซูเปอร์ ทิวส์เดย์" ซึ่งเป็นการเลือกตั้งแบบไพรมารีของพรรคเดโมแครต เพื่อเลือกผู้ที่จะเป็นตัวแทนพรรคเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้ โดยนักลงทุนขานรับข่าวดังกล่าวเนื่องจากชื่นชอบนโยบายสายกลางของนายไบเดน ซึ่งแตกต่างจากคู่แข่งอย่างนายเบอร์นี แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ที่มีแนวโน้มใช้นโยบายทางเศรษฐกิจที่สุดโต่ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 27,090.86 จุด พุ่งขึ้น 1,173.45 จุด หรือ +4.53% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,130.12 จุด เพิ่มขึ้น 126.75 จุด หรือ +4.22% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ ปิดที่ 9,018.09 จุด เพิ่มขึ้น 334.00 จุด หรือ +3.85%
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพได้รับแรงซื้ออย่างคึกคัก เนื่องจากนักลงทุนมองว่า นายไบเดนอาจนำกฎหมายประกันสุขภาพ "Affordable Care Act" หรือที่รู้จักกันในนาม "โอบามาแคร์" กลับมาใช้อีกครั้ง ซึ่งจะไม่ส่งผลกระทบต่อธุรกิจด้านสุขภาพและประกันสุขภาพ ต่างจากนโยบาย "Medicare For All" ของนายแซนเดอร์ส ซึ่งเป็นระบบประกันสุขภาพที่ครอบคลุมถึงแผนการลดราคายาและเวชภัณฑ์
ทั้งนี้ หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ ทะยานขึ้น 10.7% หุ้นเมดโทรนิค ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ พุ่งขึ้น 3.17% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.02% หุ้นซิกนา คอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพ พุ่งขึ้น 10.72 หุ้นเซนเทเน คอร์ป ทะยานขึ้น 15.6% และหุ้นโมลินา เฮลธ์แคร์ พุ่งขึ้น 16.4%
หุ้นกลุ่มเวชภัณฑ์ดีดตัวขึ้นขานรับข่าวดังกล่าวเช่นกัน โดยหุ้นไฟเซอร์ พุ่งขึ้น 6.25% ไมแลน เอ็นวี ผู้ผลิตยา EpiPen ซึ่งใช้รักษาอาการแพ้ขั้นรุนแรง พุ่งขึ้น 3.3% หุ้นบริสตอล-ไมเยอร์ส สควิบบ์ พุ่งขึ้น 3.8% หุ้น Abbvie พุ่งขึ้น 4.7% หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ทะยานขึ้น 5.8% หุ้นเมอร์ค แอนด์ โค พุ่งขึ้น 4.8% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น
หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้นด้วย โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 2.6% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ดีดขึ้น 2.3% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ บวก 1.8% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส พุ่งขึ้น 2.5% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก พุ่งขึ้น 2.1%
หุ้นเอทีแอนด์ที ซึ่งเป็นบริษัทสื่อสารรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.2% หลังจากบริษัทประกาศแผนซื้อหุ้นคืนมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์ โดยจะเริ่มดำเนินตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) พบว่า ดัชนีภาคบริการของสหรัฐปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 57.3 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.ปีที่แล้ว จากระดับ 55.5 ในเดือนม.ค.
ขณะที่ออโตเมติก ดาต้า โพรเซสซิ่ง อิงค์ (ADP) และมูดี้ส์ อนาลิติกส์ เปิดเผยว่า การจ้างงานของภาคเอกชนสหรัฐพุ่งขึ้น 183,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 155,000 ตำแหน่ง
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ผลิตภาพ-ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยไตรมาส 4/2562, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ., ยอดนำเข้า,ส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนม.ค.