ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) หลังบวกขึ้นติดต่อกัน 3 วัน โดยนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอีกครั้งจากความวิตกเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก เนื่องจากบริษัทต่างๆ จำนวนมากขึ้นได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 6,705.43 จุด ลดลง 110.16 จุด หรือ -1.62%
ตลาดร่วงลง เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอีกครั้งจากความวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดว่า GDP โลกในปีนี้ จะมีการขยายตัวต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551-2552 ขณะที่ธนาคารดอยซ์แบงก์ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจอังกฤษในปีนี้ลงเหลือเพียง 0.5%
ส่วนบริษัทฟิทช์ เรทติ้งส์เปิดเผยว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหภาพยุโรป (EU) จะส่งผลกระทบต่อการขยายตัวของ GDP ในยูโรโซน
หุ้นกลุ่มธนาคาร, กลุ่มสายการบิน และกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงอย่างหนักจากความวิตกดังกล่าว
หุ้น IAG ซึ่งเป็นเจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ ร่วง 5.35% และหุ้นอีซีเจ็ต ร่วง 4.12% หลังสมาคมการขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) คาดการณ์ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ IATA ระบุว่า ไวรัสโควิด-19 จะทำให้รายได้ของสายการบินประเภทเครื่องบินโดยสารลดลง 6.3 หมื่นล้านดอลลาร์-1.13 แสนล้านดอลลาร์ในปีนี้ โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์การแพร่ระบาดว่าจะขยายวงกว้างมากเพียงใด
หุ้นบีเอชพี และหุ้นริโอ ตินโตในกลุ่มเหมืองแร่ ร่วง 6.24% และ 7.14% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงด้วย โดยหุ้นเอชเอสบีซี ลดลง 1.13% หลังบริษัทสั่งให้พนักงานกว่า 100 คนในลอนดอนกลับไปทำงานจากที่บ้าน หลังจากตรวจพบว่าพนักงานรายหนึ่งติดเชื้อโควิด-19
ส่วนหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วง 2.33%