ตลาดหุ้นยุโรปปิดดิ่งลงเมื่อคืนนี้ (9 มี.ค.) สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 8 เดือน และร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินปี 2551 โดยหุ้นกลุ่มน้ำมันฉุดตลาดร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ เนื่องจากซาอุดิอาระเบียประกาศปรับลดราคาน้ำมันและเตรียมเพิ่มการผลิตในเดือนหน้า หลังจากไม่สามารถบรรลุข้อตกลงกับรัสเซียในการปรับลดการผลิต
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานข่าวที่ว่า รัฐบาลอิตาลีได้ประกาศมาตรการกักกันโรคขนานใหญ่ทั่วประเทศเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 7.44% ปิดที่ 339.50 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,707.91 จุด ลดลง 431.19 จุด หรือ -8.39%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,625.02 จุด ลดลง 916.85 จุด หรือ -7.94% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,965.77 จุด ลดลง 496.78 จุด หรือ -7.69%
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซฉุดตลาดหุ้นยุโรปดิ่งลง หลังราคาน้ำมันร่วงลงจากความวิตกเกี่ยวกับการทำสงครามราคาน้ำมันระหว่างซาอุดีอาระเบียและรัสเซีย
กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และพันธมิตรที่นำโดยรัสเซีย ประสบความล้มเหลวในการทำข้อตกลงปรับลดการผลิตน้ำมันในการประชุมที่กรุงเวียนนาเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ส่งผลให้ซาอุดีอาระเบียเปิดฉากทำสงครามราคาน้ำมัน ด้วยการประกาศลดราคาขายน้ำมันอย่างเป็นทางการ (OSP) และวางแผนปรับเพิ่มการผลิตน้ำมันกว่า 10 ล้านบาร์เรล/วันในเดือนเม.ย.
หุ้นบีพี ร่วง 19.48% และหุ้นเชลล์ ดิ่งลง 18.23%
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงด้วย โดยถูกกดดันจากการที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของเยอรมนีปรับตัวลงด้วย
หุ้นเอชเอสบีซี ร่วง 4.82% และหุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดิ่งลง 12.18%