ตลาดหุ้นยุโรปปิดลดลงเมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) แตะระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน โดยปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 5 แล้ว เนื่องจากนักลงทุนยังคงเทขายหุ้นออกมา ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในหลายประเทศ และองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ไวรัสโควิด-19 เข้าสู่ภาวะการระบาดทั่วโลก (pandemic) แล้ว ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ได้ช่วยหนุนตลาดเพียงระยะสั้นๆ ในช่วงแรก
ดัชนี Stoxx Europe 600 ลดลง 0.74% ปิดที่ 333.17 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,610.25 จุด ลดลง 26.36 จุด, -0.57%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,438.68 จุด ลดลง 36.81 จุด, -0.35% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,876.52 จุด ลดลง 83.71 จุด, -1.40%
ตลาดได้แรงหนุนในช่วงแรกจากการที่ BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% สู่ระดับ 0.25% โดยหวังที่จะปกป้องเศรษฐกิจอังกฤษจากผลกระทบของโควิด-19 แต่ตลาดเริ่มปรับตัวลง เมื่อสัญญาฟิวเจอร์สบ่งชี้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะปรับตัวลงอีก และนักลงทุนยังคงขายหุ้นออกมาท่ามกลางความไม่แน่ใจเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันหลังจาก WHO ประกาศว่า ไวรัสโควิด-19 เป็นโรคระบาดระดับโลก หลังจากที่แพร่เชื้อลุกลามต่อเนื่องไปยังหลายประเทศทั่วโลก
การร่วงลงของราคาน้ำมันฉุดหุ้นกลุ่มน้ำมันลงต่อ โดยหุ้นบีพี และหุ้นเชลล์ปิดร่วงลง 3.6% และ 2.4% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างหนักด้วยเช่นกันโดยได้รับผลกระทบจากการเดินทางที่ลดลงอันเป็นผลจากความวิตกเกี่ยวกับไวรัสโควิด-19 โดยหุ้นอีซี่เจ็ตของอังกฤษ ร่วง 7.59% และหุ้นลุฟต์ฮันซา ร่วง 2.25%
บรรดานักลงทุนรอผลการประชุมนโยบายของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดีนี้ เพื่อดูว่า ECB จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่ ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของ ECB ในปัจจุบันอยู่ในระดับที่ติดลบอยู่แล้ว