ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) โดยฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 7 ปี หลังได้แรงหนุนจากตลาดหุ้นสเปนซึ่งพุ่งขึ้นขานรับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อรับมือผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และตลาดหุ้นฝรั่งเศสได้แรงหนุน หลังนายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศสยืนยันที่จะให้ความช่วยเหลือทางการเงินมากขึ้นแก่ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 บวก 2.26% ปิดที่ 291.07 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 3,991.78 จุด เพิ่มขึ้น 110.32 จุด หรือ +2.84%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 8,939.10 จุด เพิ่มขึ้น 196.85 จุด หรือ +2.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,294.90 จุด เพิ่มขึ้น 143.82 จุด หรือ +2.79%
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนหลังจากตลาดหุ้นสเปนพุ่งขึ้นกว่า 6% โดยทะยานขึ้นวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2553 เนื่องจากนักลงทุนขานรับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2 แสนล้านยูโร (2.196 แสนล้านดอลลาร์) ที่ประกาศโดยนายกรัฐมนตรีเปโดร ซานเชซของสเปน
แผนการดังกล่าวได้ช่วยคลายความวิตกในตลาดซึ่งถูกกดดันจากมาตรการปิดเมืองและผลกระทบต่างๆ จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ขณะที่การร่วงลงของราคาน้ำมันกดดันตลาดด้วย
ตลาดหุ้นเยอรมนีปรับตัวขึ้น แม้ผลสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจอ่อนแอเกินคาดก็ตาม โดยศูนย์วิจัยเศรษฐกิจยุโรป (ZEW) เปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีดิ่งลงสู่ระดับ -49.5 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 ซึ่งขณะนั้นเกิดวิกฤตการเงินทั่วโลก และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ -26.4 จากระดับ +8.7 ในเดือนก.พ. โดยดัชนีความเชื่อมั่นได้รับผลกระทบจากความวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
หุ้นกลุ่มเทเลคอมและกลุ่มสาธารณูปโภคปรับตัวขึ้นมากที่สุด เนื่องจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับโรคระบาดทำให้นักลงทุนพากันเข้าซื้อหุ้นกลุ่มปลอดภัย
หุ้นเดมเลอร์ของเยอรมนี พุ่ง 6.24%, หุ้นคาร์ฟูร์, หุ้นออเรนจ์ และหุ้นเรโนลต์ พุ่ง 11.58%, 11.25% และ 9.9% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นแอนโทฟากัสตาของอังกฤษ พุ่ง 16.05%