ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1,000 จุดเมื่อคืนนี้ (17 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากมาตรการเยียวยาเศรษฐกิจของรัฐบาลสหรัฐ และจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ประกาศแผนซื้อคืนพันธบัตรเพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน โดยมาตรการเหล่านี้มีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,237.38 จุด พุ่งขึ้น 1,048.86 จุด หรือ +5.20% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,529.19 จุด เพิ่มขึ้น 143.06 จุด หรือ +6.00% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,334.78 จุด เพิ่มขึ้น 430.19 จุด หรือ +6.23%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐประกาศว่า รัฐบาลจะมอบเงินจากกองทุนฉุกเฉินให้แก่ชาวอเมริกันในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้า ขณะที่ภาคธุรกิจสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงินมากถึง 10 ล้านดอลลาร์ ส่วนบุคคลธรรมดาสามารถเลื่อนการชำระภาษีเป็นจำนวนเงิน 1 ล้านดอลลาร์ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้อนุมัติให้มีการเลื่อนการชำระภาษีให้แก่กรมสรรพากรสหรัฐคิดเป็นวงเงินรวม 3 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ทำเนียบขาวยังมีแผนกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 8.5 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงวงเงิน 5 หมื่นล้านดอลลาร์แก่อุตสาหกรรมการบิน ขณะที่ปธน.ทรัมป์ให้คำมั่นว่า รัฐบาลจะดำเนินการครั้งใหญ่ โดยจะไม่ให้ธุรกิจสายการบินประสบภาวะล้มละลาย และจะไม่ให้ชาวอเมริกันตกงาน
ทางด้านเฟดสาขานิวยอร์กประกาศซื้อคืนพันธบัตรวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวานนี้ เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในระบบการเงิน โดยการดำเนินการดังกล่าวมีขึ้น หลังจากที่เฟดเพิ่งประกาศซื้อคืนพันธบัตรวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และได้อัดฉีดเม็ดเงิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่ระบบธนาคารในสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมกับเพิ่มประเภทของหลักทรัพย์ในการซื้อพันธบัตรของเฟด เพื่อลดผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้นกลุ่มสาธารณูปโภคพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาหุ้นที่คำนวณในดัชนี S&P500 เนื่องจากนักลงทุนมองว่าเป็นหุ้นที่ปลอดภัยและสามารถต้านทานวัฏจักรทางเศรษฐกิจได้ดี (defensive stocks) โดยหุ้นพีจีแอนด์อี คอร์ปอเรชั่น พุ่งขึ้น 3.02% หุ้นเอ็กเซลอน คอร์ปอเรชั่น ทะยานขึ้น 19% หุ้นเฟิร์สท์เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 16.94% หุ้นดุ๊ค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 12.3% หุ้นคอนโซลิเดทเต็ด เอดิสัน อิงค์ พุ่งขึ้น 18.01%
หุ้นไฟเซอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 6.63% หลังจากไฟเซอร์ลงนามในข้อตกลงร่วมกับบริษัท BioNTech ของเยอรมนี เพื่อร่วมพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19
หุ้นวอลมาร์ท ทะยานขึ้น 11.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของบริษัทหลักทรัพย์ออพเพนไฮเมอร์ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นวอลมาร์ท โดยระบุว่า วอลมาร์ทจะได้ประโยชน์จากการที่ผู้บริโภคแห่กักตุนสินค้าในช่วงที่ไวรัสโควิด-19 แพร่ระบาด
อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มสายการบินร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ร่วงลง 13.5% หุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ ลดลง 2.14% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส ดิ่งลง 10.27% หุ้นเดลต้า แอร์ไลน์ 11.37%
หุ้นดังกิ้น แบรนด์ส กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ดังกิ้น โดนัท และบาสกิ้น รอบบิ้นส์ ร่วงลง 6.7% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะลดการให้บริการแบบไดร์ฟ-ทรูและการจัดส่งอาหาร เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 0.5% ในเดือนก.พ. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด สู่ระดับ 72 ในเดือนมี.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 4/2562 และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนก.พ.จาก Conference Board