ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (19 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จัดการประชุมฉุกเฉินเมื่อคืนนี้ และมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.15% สู่ระดับ 0.10% จากระดับ 0.25% เพื่อลดผลกระทบทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่เมื่อวานนี้ ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ประกาศโครงการใหม่ในการซื้อหลักทรัพย์ของภาคเอกชนและภาครัฐวงเงินรวม 7.50 แสนล้านยูโร (8.19 แสนล้านดอลลาร์) เพื่อรับมือกับความเสี่ยงต่างๆ ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,151.61 จุด เพิ่มขึ้น 71.03 จุด หรือ +1.40%
ตลาดปรับตัวขึ้นโดยได้แรงหนุนจากการที่ BoE ปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินครั้งล่าสุดเมื่อคืนนี้ และได้เพิ่มวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) อีก 2 แสนล้านปอนด์ สู่ระดับ 6.45 แสนล้านปอนด์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา BoE เพิ่งประกาศลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉินลง 0.50% สู่ระดับ 0.25% จากเดิมที่ระดับ 0.75% และรัฐบาลอังกฤษยังประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 3.30 แสนล้านปอนด์เมื่อต้นสัปดาห์นี้เพื่อเพิ่มสภาพคล่องในตลาด และยับยั้งการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ
หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นมากกว่า 3% จากระดับต่ำสุดในรอบ 24 ปี โดยได้แรงหนุนจากราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้น โดยหุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 5.73% และหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 3.02%
หุ้นขนาดใหญ่ปรับตัวขึ้น โดยหุ้นดิอาจีโอ และหุ้นแอสตราเซเนกา พุ่งขึ้น 5.96% และ 3.09% ตามลำดับ
หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและสันทนาการทะยานขึ้นด้วย โดยหุ้นคาร์นิวัล พุ่ง 18.90% และหุ้น TUI พุ่งขึ้น 18.80%