ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งเมื่อคืนนี้ (24 มี.ค.) โดยทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการเงินโลกปี 2551 เนื่องจากนักลงทุนมีความหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ทั่วโลกจะช่วยให้ตลาดฟื้นตัวขึ้นท่ามกลางการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็วของไวรัสโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,446.01 จุด เพิ่มขึ้น 452.12 จุด หรือ +9.05%
ตลาดพุ่งขึ้นจากระดับต่ำสุดในรอบกว่า 8 ปีที่เข้าทดสอบเมื่อวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ขยายมาตรการซื้อสินทรัพย์วงเงินไม่จำกัด และสภาคองเกรสของสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์
การฟื้นตัวของตลาดหุ้นทั่วโลกช่วยหนุนตลาดหุ้นอังกฤษพุ่งขึ้นด้วย แม้อังกฤษประกาศมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นวันเดียวมากที่สุด 87 ราย รวมเป็น 422 ราย
นอกจากนี้ ตลาดยังทะยานขึ้น แม้ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 37.1 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 53.0 ในเดือนก.พ.
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่และกลุ่มน้ำมันทะยานขึ้นตามราคาโลหะและน้ำมัน โดยหุ้นเชลล์ และหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 22.91% และ 21.58% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นบีเอชพี กรุ๊ป, หุ้นริโอ ทินโต และหุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 16.51%, 14.69% และ 20.90% ตามลำดับ
ส่วนหุ้นคาร์นิวาล ผู้ประกอบการเรือสำราญ ทะยานขึ้น 28.26%