ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดทะยานกว่า 900 จุด โดยดีดตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 แม้มีการเปิดเผยตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานพุ่งเป็นประวัติการณ์
ณ เวลา 21.33 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 22,122.27 จุด บวก 921.72 จุด หรือ 4.35%
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 3.28 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ในช่วง 1-4 ล้านราย ส่วนตัวเลขคาดการณ์เฉลี่ยอยู่ที่ 1.5 ล้านราย
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ก่อนหน้านี้ที่ระดับ 695,000 รายที่ทำไว้เมื่อเดือนต.ค.2525
การพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้แห่ปิดกิจการ ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก
ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 27,500 ราย สู่ระดับ 1,731,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะทำการอภิปราย และลงมติต่อร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ในวันพรุ่งนี้ หลังจากที่วุฒิสภาลงมติเห็นชอบร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ 96-0 เสียงเมื่อวานนี้
ร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งมีวงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ ถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐที่มีวงเงินสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า เขาพร้อมที่จะลงนามในร่างกฎหมายฉบับนี้ หากได้รับการอนุมัติจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ
มาตรการดังกล่าวครอบคลุมการจัดสรรเงินกู้วงเงิน 3.67 แสนล้านดอลลาร์ให้กับธุรกิจขนาดเล็ก และสนับสนุนโครงการที่จะจัดสรรเงินให้แก่กระทรวงการคลังในวงเงิน 5 แสนล้านดอลลาร์
นอกจากนี้ ชาวอเมริกันที่เป็นผู้ใหญ่จะได้รับเงินสดโดยตรงคนละ 1,200 ดอลลาร์ ขณะที่เด็กจะได้รับเช็คเงินสดคนละ 500 ดอลลาร์ ส่วนโรงพยาบาลต่างๆจะได้รับการจัดสรรเงินรวม 1.50 แสนล้านดอลลาร์ และธุรกิจขนาดเล็กจะได้รับเงินช่วยเหลือในวงเงินรวม 3.67 แสนล้านดอลลาร์
นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวต่อชาวอเมริกันว่า เฟดกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อให้ความช่วยเหลือพวกเขา ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน
"เฟดกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อสนับสนุนพวกคุณ และนโยบายของเราจะมีความสำคัญมากขณะที่เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวขึ้น เพื่อให้การฟื้นตัวมีความแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" นายพาวเวลกล่าวในรายการ "Today" ของสถานีโทรทัศน์ NBC
"สถานการณ์ในขณะนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยปรากฎมาก่อน มันไม่ใช่ช่วงขาลงแบบที่เราเคยเห็นกัน และการที่เราขอร้องให้ประชาชนงดเว้นจากการทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็ถือเป็นการลงทุนในด้านสาธารณสุขของพวกเรา เพื่อประโยชน์สุขของประชาชน และต้นทุนนี้จะสร้างความมีเสถียรภาพในสังคม" เขากล่าว
"ผมคิดว่าถ้าเราสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เร็วเท่าไหร่ ประชาชนก็จะมีความเชื่อมั่น และเมื่อพวกเขามีความเชื่อมั่นก็จะเปิดธุรกิจอีกครั้งหนึ่ง ทำให้พนักงานกลับไปทำงาน ผู้บริโภคทำการใช้จ่าย ดังนั้นผมคิดว่าสิ่งแรกที่ต้องทำคือการควบคุมการแพร่กระจายของไวรัส แล้วกิจกรรมทางเศรษฐกิจก็จะกลับมา" นายพาวเวลกล่าว
ส่วนการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในวันนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตรมาส 4/2562 ที่ระดับ 2.1% สอดคล้องกับตัวเลขประมาณการครั้งที่ 1 และครั้งที่ 2 รวมทั้งสอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์
ทั้งนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.1% ในไตรมาส 3/2562 และ 2.0% ในไตรมาส 2 ขณะที่ไตรมาส 1 มีการเติบโต 3.1%
นอกจากนี้ เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในปี 2562 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 3 ปี โดยต่ำกว่าระดับ 2.9% ในปี 2561 และ 2.4% ในปี 2560 ซึ่งเป็นปีแรกในการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่เขาตั้งเป้าการขยายตัวรายปีของเศรษฐกิจสหรัฐที่ระดับ 3% ในช่วงการดำรงตำแหน่งของเขา
นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลงในไตรมาส 1/2563 ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภค, การลงทุนในภาคธุรกิจ และการใช้จ่ายของรัฐบาลได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19