ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (26 มี.ค.) โดยปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐหลังนักลงทุนขานรับวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ และนักลงทุนคาดหวังว่าประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาอีกเพื่อบรรเทาผลกระทบ หลังจากที่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ออกมา อาทิ รายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐที่พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,815.73 จุด เพิ่มขึ้น 127.53 จุด, +2.24%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐซึ่งทะยานขึ้นขานรับวุฒิสภาลงที่มติผ่านร่างกฎหมายเยียวยาผลกระทบทางเศรษฐกิจจากไวรัสโควิด-19 วงเงิน 2 ล้านล้านดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนคาดว่าร่างกฎหมายฉบับนี้จะผ่านความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐเช่นกัน ซึ่งความคืบหน้าดังกล่าวช่วยหนุนดัชนีดาวโจนส์ทะยานขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 3 และสามารถสกัดปัจจัยลบจากรายงานตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานของสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ตลาดยังได้แรงหนุนจากแนวโน้มที่รัฐสภายุโรปจะอนุมัติการจัดตั้งกองทุนฉุกเฉินเพื่อรับมือกับผลกระทบของไวรัสโควิด-19 ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) จัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงินเมื่อวานนี้ และมีมติเป็นเอกฉันท์ 9-0 เสียงให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 0.10%
นอกจากนี้ BoE ยังเปิดเผยว่า ทางธนาคารกลางจะขยายวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากมีความจำเป็น
หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการปรับตัวขึ้น โดยหุ้น IAG เจ้าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ และหุ้นอีซี่เจ็ต บวก 0.61% และ 0.25% ตามลำดับ
หุ้นเรนโทคิล อินิเชียล พุ่ง 17.47%, หุ้นลีกัล แอนด์ เจเนอรัล กรุ๊ป พุ่ง 14.89% และหุ้นสแตนดาร์ด ไลฟ์ อะเบอร์ดีน พุ่ง 14.62%