ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (2 เม.ย.) หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้แสดงความเชื่อมั่นว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติสงครามราคาน้ำมัน และคาดว่าทั้งสองฝ่ายจะปรับลดกำลังการผลิตเพื่อรักษาเสถียรภาพในตลาดน้ำมัน โดยสัญญาณบวกดังกล่าวได้ช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงานฟื้นตัวขึ้น ซึ่งรวมถึงหุ้นเอ็กซอน โมบิล ที่พุ่งขึ้นกว่า 7%
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,413.44 จุด พุ่งขึ้น 469.93 จุด หรือ +2.24% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,526.90 จุด เพิ่มขึ้น 56.40 จุด หรือ +2.28% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,487.31 จุด เพิ่มขึ้น 126.73 จุด หรือ +1.72%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กพุ่งขึ้นหลังจากปธน.ทรัมป์กล่าวว่า เขาได้หารือกับผู้นำซาอุดีอาระเบียและรัสเซียเกี่ยวกับการรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมันโลก ซึ่งเขาเชื่อว่าประเทศทั้งสองจะบรรลุข้อตกลงในการยุติการทำสงครามราคาในอีกไม่กี่วัน นอกจากนี้ ปธน.ทรัมป์ยังคาดว่า ซาอุดีอาระเบียและรัสเซียจะปรับลดกำลังการผลิตราว 10 ล้านบาร์เรล หรืออาจมากถึง 15 ล้านบาร์เรล เพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด
ทางด้านซาอุดีอาระเบียได้เรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) รวมทั้งรัสเซียและประเทศพันธมิตร จัดการประชุมฉุกเฉินเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดน้ำมัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวนับเป็นการส่งสัญญาณว่า ซาอุดีอาระเบียพร้อมที่จะยุติการทำสงครามราคาน้ำมันกับรัสเซีย
การแสดงความเห็นของปธน.ทรัมป์และสัญญาณเชิงบวกจากซาอุดีอาระเบียช่วยหนุนราคาน้ำมันดิบ WTI พุ่งขึ้นเกือบ 25% เมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อราคาหุ้นกลุ่มพลังงาน โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 7.6% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 10.9% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 18.68% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 13.7% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ บวก 5.7% หุ้นเชซาพีค เอนเนอร์จี พุ่งขึ้น 12.07% หุ้นอาปาเช คอร์ป พุ่งขึ้น 16.67% หุ้นมาราธอน ออยล์ พุ่งขึ้น 11.22%
นอกจากนี้ สัญญาณบวกดังกล่าวยังช่วยบดบังปัจจัยลบจากรายงานของกระทรวงแรงงานสหรัฐซึ่งระบุว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งขึ้นสู่ระดับ 6.6 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.1 ล้านราย โดยการพุ่งขึ้นของตัวเลขผู้ขอสวัสดิการว่างงานนั้น มีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ จากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาล ท่ามกลางผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก
อย่างไรก็ดี หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 5.6% หลังจากมีรายงานว่า โบอิ้งได้เสนอขายหุ้นให้กับพนักงานและยื่นข้อเสนอให้พนักงานสามารถเกษียณอายุงานก่อนกำหนด โดยมีเป้าหมายที่จะรับมือกับผลกระทบที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐทรงตัวในเดือนก.พ. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนม.ค.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในวันนี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมี.ค., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการเดือนมี.ค.จากมาร์กิต และดัชนีภาคบริการเดือนมี.ค.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM)