ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อวันศุกร์ (3 เม.ย.) โดยถูกกดดันหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรทรุดตัวลงมากกว่าที่คาดไว้ ซึ่งได้ตอกย้ำถึงความวิตกเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 21,052.53 จุด ร่วงลง 360.91 จุด หรือ -1.69%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,488.65 จุด ลดลง 38.25 จุด หรือ -1.51% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,373.08 จุด ลดลง 114.23 จุด หรือ -1.53%
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ ร่วงลง 2.7%, ดัชนี S&P 500 ลดลง 2.1% และดัชนี Nasdaq ปรับตัวลง 1.7%
หุ้น 10 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดลดลง นำโดยกลุ่มสาธารณูปโภค ร่วง 3.62% ขณะที่กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค เพิ่มขึ้น 0.54% โดยเป็นหุ้นเพียงกลุ่มเดียวที่ปรับตัวขึ้น
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลง หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรดิ่งลง 701,000 ตำแหน่งในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย. 2553 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่า อาจลดลงเพียง 10,000 ตำแหน่ง
ส่วนอัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับ 4.4% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนส.ค. 2560 ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 3.7% หลังจากแตะระดับ 3.5% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 50 ปี
การลดลงของตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีสาเหตุจากการที่ภาคธุรกิจได้พากันปิดกิจการ อันเนื่องมาจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และทำให้มีการปลดพนักงานจำนวนมาก
นักเศรษฐศาสตร์ของมอร์แกน สแตนลีย์คาดว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐ จะหดตัวลง 38% ในไตรมาส 2/2563
นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงกังวลกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ โดยมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์รายงานว่า สหรัฐมีจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในโลกที่ 266,000 ราย และมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 6,900 ราย
หุ้นวอลท์ ดีสนีย์ ร่วงลง 3.19% หลังเปิดเผยว่าจะปลดพนักงานบางส่วนในสหรัฐในเดือนนี้ อันเนื่องมาจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นที่เปิดเผยเมื่อวันศุกร์ ไอเอชเอส มาร์กิต บริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน รายงานว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของสหรัฐ ร่วงลงสู่ระดับ 39.8 ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ จากระดับ 49.4 ในเดือนก.พ.
ดัชนี PMI ถูกกดดันจากการดิ่งลงของคำสั่งซื้อใหม่ ขณะที่การจ้างงานหดตัวลง ส่วนความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจแตะระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ดัชนี PMI ที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่า ภาคบริการของสหรัฐยังคงอยู่ในภาวะหดตัว โดยหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 แล้ว