ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกันเมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 1 เดือน เนื่องจากนักลงทุนขานรับสัญญาณที่ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อาจชะลอตัวลง หลังมีรายงานว่า ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในอิตาลี, สเปน และสหรัฐ มีจำนวนลดลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 1.88% ปิดที่ 326.61 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,438.27 จุด เพิ่มขึ้น 92.14 จุด หรือ +2.12%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมันปิดที่ 10,356.70 จุด เพิ่มขึ้น 281.53 จุด หรือ +2.79% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,704.45 จุด เพิ่มขึ้น 122.06 จุด หรือ +2.19%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้น นำโดยตลาดหุ้นเยอรมนีซึ่งดีดตัวขึ้นแตะระดับสูงนับตั้งแต่วันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา หลังสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีเปิดเผยว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือนก.พ. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะลดลง 0.9%
อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนถึงสถานการณ์ในช่วงเวลาสั้นๆ ก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการสั่งล็อกดาวน์ในเยอรมนี
หุ้นกลุ่มการเดินทางและสันทนาการปรับตัวขึ้น นำโดยหุ้น Cineworld ที่พุ่งขึ้น 47.69% หลังเปิดเผยว่าบริษัทกำลังเจรจากับธนาคารต่างๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ขณะที่มาตรการสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านทำให้บริษัทต้องปิดโรงภาพยนตร์ทั้งหมด 787 แห่งใน 10 ประเทศ
หุ้นอาร์เซลอร์มิตตัล และหุ้นแอคคอร์ของฝรั่งเศส พุ่ง 10.39% และ 9.77% ตามลำดับ
หุ้นเอ็มทียู แอโร และหุ้นดอยซ์ แบงก์ของเยอรมนี เพิ่มขึ้น 5.45% และ 5.40% ตามลำดับ
หุ้นโรลส์-รอยซ์ และหุ้นลีเกิล แอนด์ เจเนอรัล กรุ๊ป ของอังกฤษ พุ่งขึ้น 18.32% และ 16.66% ตามลำดับ