ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนหลังจากเจ้าหน้าที่สหรัฐคาดการณ์ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะพลิกผันดีขึ้นหลังผ่านพ้นสัปดาห์นี้ และจากการที่นักลงทุนคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติม นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากหุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพที่พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หลังจากนายเบอร์นี่ แซนเดอร์ส วุฒิสมาชิกรัฐเวอร์มอนต์ ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,433.57 จุด พุ่งขึ้น 779.71 จุด หรือ +3.44% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,749.98 จุด เพิ่มขึ้น 90.57 จุด หรือ +3.41% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,090.90 จุด เพิ่มขึ้น 203.64 จุด หรือ +2.58%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนหลังจากนายแพทย์แอนโทนี ฟอซี ผู้อำนวยการสถาบันภูมิแพ้และโรคติดต่อแห่งชาติสหรัฐ คาดการณ์ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะพลิกผันดีขึ้น หลังผ่านพ้นสัปดาห์นี้ โดยนายแพทย์ฟอซีระบุว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในขณะนี้อยู่ในระดับต่ำกว่าที่มีการคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้
ทางด้านนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก กล่าวว่า มาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมที่รัฐนิวยอร์กประกาศใช้นั้น ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ที่เป็นจุดเสี่ยงของรัฐนิวยอร์กซึ่งขณะนี้สามารถควบคุมการแพร่ระบาดได้ในระดับหนึ่ง
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยบวกจากรายงานการประชุมของเฟดประจำเดือนมี.ค.ซึ่งระบุว่า คณะกรรมการเฟดยืนยันว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% จนกว่าเฟดมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจจะสามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมระบุว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของสหรัฐมีแนวโน้มชะลอตัวลงในไตรมาส 2 ปีนี้และเศรษฐกิจมีความเสี่ยงที่จะเผชิญภาวะขาลง ซึ่งการประเมินดังกล่าวทำให้นักลงทุนมีความหวังว่า เฟดอาจจะออกมาตรการพยุงเศรษฐกิจเพิ่มเติม เพื่อลดผลกระทบของโควิด-19
หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพซึ่งรวมถึงหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้น หลังจากนายเบอร์นี่ แซนเดอร์ส ประกาศถอนตัวจากการแข่งขันเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ โดยก่อนหน้านี้ นักลงทุนวิตกว่านโยบายของนายแซนเดอร์ส ซึ่งรวมถึงการให้สวัสดิการประกันสุขภาพแก่ชาวอเมริกันทั้งหมด จะทำให้มีการปรับขึ้นภาษี หากนายแซนเดอร์สคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดี
ทั้งนี้ หุ้น J&J พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นแอ๊บบอต ลาบอแรตอรีส พุ่งขึ้น 3.69% หุ้นไฟเซอร์ ดีดขึ้น 2.95% หุ้น Abbvie พุ่งขึ้น 4.2% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ ซึ่งเป็นบริษัทประกันสุขภาพรายใหญ่ของสหรัฐ พุ่งขึ้น 7.98% หุ้นเมดโทรนิค ผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์ทางการแพทย์ บวก 5.1% หุ้นเอชซีเอ เฮลธ์แคร์ ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโรงพยาบาลรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐ ทะยานขึ้น 9.58%
หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน WTI โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล พุ่งขึ้น 6.3% หุ้นเชฟรอน พุ่งขึ้น 6.25% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ทะยานขึ้น 12.59% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน พุ่งขึ้น 8.8%
หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ พุ่งขึ้น 4.5% หลังจากบริษัทได้ตัดสินใจคงตัวเลขเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นเอาไว้ที่ 1.03 ดอลลาร์/หุ้น
หุ้นเจเนอรัล มอเตอร์ (GM) พุ่งขึ้น 8.6% หลังจาก GM เปิดเผยว่า ทางบริษัทได้รับสัญญาในการผลิตเครื่องช่วยหายใจจำนวน 30,000 เครื่อง คิดเป็นมูลค่า 489.4 ล้านดอลลาร์ ให้กับหน่วยงานคลังสำรองทางยุทธศาสตร์แห่งชาติของสหรัฐ
นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในสัปดาห์นี้ ซึ่งได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนมี.ค., ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนเม.ย.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน, สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. และดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมี.ค.