ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดลบ 328.60 จุด วิตกโควิด-19 ฉุดรายได้บริษัทจดทะเบียน

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday April 14, 2020 06:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (13 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทจดทะเบียน โดยในสัปดาห์นี้จะมีบริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งที่เตรียมเปิดเผยผลประกอบการ ซึ่งรวมถึงเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก อย่างไรก็ดี ดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยได้แรงหนุนจากหุ้นอเมซอนที่พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังจากบริษัทประกาศเพิ่มการจ้างงานอีกกว่า 7 หมื่นตำแหน่ง เพื่อรองรับความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,390.77 จุด ลดลง 328.60 จุด หรือ -1.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,761.63 จุด ลดลง 28.19 จุด หรือ -1.01% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,192.42 จุด เพิ่มขึ้น 38.85 จุด หรือ +0.48%

ดัชนีดาวโจนส์ปิดตลาดในแดนลบ ท่ามกลางความกังวลที่ว่าการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐและรายได้ของบริษัทจดทะเบียน โดยรายงานระบุว่า ขณะนี้สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต

นักวิเคราะห์จากบริษัทแคปิตอล ซิเคียวริตีส์ เมเนจเมนท์ กล่าวว่า ปัญหาใหญ่ในขณะนี้คือความกังวลที่ว่า สหรัฐจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจได้อีกครั้งเมื่อใด เพราะหากการปิดเศรษฐกิจยังดำเนินต่อไปเช่นนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ยังกล่าวว่า เศรษฐกิจอาจเผชิญภาวะขาลง เมื่อพิจารณาจากการที่บริษัทต่างๆยังคงปรับลดคาดการณ์แนวโน้มรายได้ หรือไม่เปิดเผยตัวเลขคาดการณ์รายได้

ทางด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์แห่งสหรัฐเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ว่า เขาจะยังไม่เปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ จนกว่าจะแน่ใจว่า ประชาชนในประเทศมีสุขภาพที่ดีแล้ว หลังจากที่รัฐบาลได้ดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ปธน.ทรัมป์ระบุด้วยว่า เขาวางแผนที่จะประกาศจัดตั้งคณะกรรมการเปิดประเทศ (Opening our Country Council) ในวันอังคารหน้า ซึ่งจะประกอบด้วยผู้นำธุรกิจ, แพทย์ และผู้ว่าการรัฐ ซึ่งจะช่วยในการตัดสินใจว่าสหรัฐจะเปิดเศรษฐกิจอย่างไร

หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลง ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส และเวลส์ ฟาร์โก จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยหุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ร่วงลง 3.7% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ดิ่งลง 3.6% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ร่วงลง 4.4% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 2.7% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 5.3% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.5%

หุ้นฟอร์ด มอเตอร์ ร่วงลง 3.9% หลังจากบริษัทเตือนว่ารายได้ในไตรมาสแรกจะทรุดตัวลง 15.7% เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อยอดขายและการผลิต

หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์ด้านการก่อสร้างรายใหญ่ของสหรัฐ ร่วงลง 8.7% หลังจากนักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ อเมริกาได้ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ลงสู่ระดับ "underperform" จากระดับ "neutral"

หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวผันผวน หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI อ่อนแรงลงเมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ลดลง 0.74% หุ้นเชฟรอน บวก 0.71% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ลดลง 0.2% หุ้นไพโอเนียร์ เนเชอรัล รีซอสเซส พุ่งขึ้น 4.1% หุ้นเบเกอร์ ฮิวจ์ พุ่งขึ้น 3.3%

หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 6.17% หลังจากบริษัทประกาศว่าจะจ้างงานเพิ่มอีก 75,000 ตำแหน่ง เพื่อรองรับความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยการพุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่งของหุ้นอเมซอนเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดตลาดในแดนบวก

นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ราคานำเข้าและส่งออกเดือนมี.ค., ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนเม.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนเม.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค., ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.จาก Conference Board


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ