ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นกว่า 500 จุดในวันนี้ ขณะที่นักลงทุนมองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น
ณ เวลา 20.43 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 23,900.58 จุด บวก 509.81 จุด หรือ 2.18%
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กล่าวว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่ของสหรัฐได้เริ่มทรงตัว ขณะที่นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เชื่อว่า ภาวะที่เลวร้ายที่สุดจะผ่านพ้นไป ถ้าหากเจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินมาตรการคุมเข้มต่อไป และเขาตั้งข้อสังเกตว่าข้อมูลได้บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากที่รัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการระบาด
ขณะนี้ สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อจำนวน 587,173 ราย และมีผู้เสียชีวิต 23,644 ราย
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน
เจพีมอร์แกน เชส ซึ่งเป็นธนาคารขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยว่า ทางธนาคารมีกำไรและรายได้ต่ำกว่าคาดในไตรมาส 1 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ เจพีมอร์แกน เชส ระบุว่า ธนาคารมีกำไร 0.78 ดอลลาร์/หุ้น ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.84 ดอลลาร์/หุ้น
นอกจากนี้ ธนาคารมีรายได้ 2.907 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.967 หมื่นล้านดอลลาร์
กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า เศรษฐกิจโลกในปีนี้จะประสบกับวิกฤตการเงินที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1930 โดยได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3% ในปีนี้ ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3% ในปีนี้
อย่างไรก็ดี IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.8% ในปีหน้า จากเดิมที่คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัว 3.4%
การที่ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวกว่า 5% ในปีหน้า มีสาเหตุจากการเปรียบเทียบกับฐานที่ต่ำในปี 2020 ซึ่งมีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวในปีดังกล่าว
IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะหดตัวลง 5.9% ในปีนี้ แต่จีนจะมีการขยายตัว 1.2%
นอกจากนี้ IMF ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะหดตัว 7.5% ในปีนี้ ขณะที่อิตาลีและสเปน ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากโควิด-19 จะหดตัวลง 9.1% และ 8% ตามลำดับ