ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลการค้าของจีนที่ดีเกินคาด และจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่า มาตรการล็อกดาวน์เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ใช้ได้ผล เนื่องจากยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ชะลอตัวลง
ดัชนี Stoxx Europe 600 เพิ่มขึ้น 0.64% ปิดที่ 333.91 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,523.91 จุด เพิ่มขึ้น 17.07 จุด หรือ +0.38%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,696.56 จุด เพิ่มขึ้น 131.82 จุด หรือ +1.25% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,791.31 จุด ลดลง 51.35 จุด หรือ -0.88%
ตลาดหุ้นยุโรปได้แรงหนุนจากข้อมูลที่บ่งชี้ว่า ยอดส่งออกและนำเข้าของจีนลดลงน้อยกว่าคาดในเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าการฟื้นตัวอย่างมั่นคงนั้นจะต้องใช้เวลาอีกหลายเดือน
ตลาดยังได้แรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แตะระดับสูงสุดแล้วในบางพื้นที่ของยุโรป โดยธุรกิจบางประเภทในสเปนกลับมาเปิดดำเนินการแล้วเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา แม้ร้านค้า, บาร์ และพื้นที่สาธารณะ จะยังคงปิดทำการไปจนถึงอย่างน้อยวันที่ 26 เม.ย.
นักวิเคราะห์คาดว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจของยุโรปจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมากในช่วงครึ่งปีหลัง โดยได้แรงหนุนจากพลังงานราคาถูก, การเพิ่มสต็อกสินค้า และอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น
มาตรการกระตุ้นด้านการคลังและการเงินทั่วโลก รวมถึงมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจยุโรปวงเงินกว่า 5 แสนล้านยูโรได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
บรรดานักลงทุนจะมุ่งความสนใจไปที่การเปิดเผยผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า บริษัทยุโรปในดัชนี STOXX 600 จะมีผลประกอบการลดลง 22% ในไตรมาสแรก และ 34.2% ในไตรมาส 2
หุ้นแอร์เมส และหุ้นดานอนของฝรั่งเศส บวก 4.83% และ 4.54% ตามลำดับ, หุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ และหุ้นไบเออร์สดอร์ฟของเยอรมนี เพิ่มขึ้น 3.75% และ 3.13% ตามลำดับ ขณะที่หุ้นโอคาโด กรุ๊ป และหุ้นแอสตราเซเนกาของอังกฤษ ปรับตัวขึ้น 8.52% และ 6.81% ตามลำดับ