ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 เม.ย.) ขานรับมุมมองบวกที่ว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐนิวยอร์กซึ่งมีรายงานว่าจำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากความหวังที่ว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 23,949.76 จุด เพิ่มขึ้น 558.99 จุด หรือ +2.39% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,846.06 จุด เพิ่มขึ้น 84.43 จุด หรือ +3.06% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,515.74 จุด เพิ่มขึ้น 323.32 จุด หรือ +3.95%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นกว่า 500 จุดเมื่อคืนนี้ หลังจากมีสัญญาณบ่งชี้ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยนายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์กเปิดเผยว่า จำนวนผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลทั่วรัฐนิวยอร์กลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด โดยเขาตั้งข้อสังเกตว่า การแพร่ระบาดของโควิด-19 ชะลอตัวลงหลังจากรัฐบาลใช้มาตรการล็อกดาวน์
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากนายแลร์รี คุดโลว์ ที่ปรึกษาทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ปธน.ทรัมป์อาจจะประกาศให้มีการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งในช่วง 1-2 วันข้างหน้านี้ หลังจากวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขเริ่มผ่อนคลายลง
ทั้งนี้ มุมมองบวกเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 และความหวังที่ว่ารัฐบาลสหรัฐจะกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้งนั้น ได้ช่วยสกัดปัจจัยลบจากการที่ธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส รายงานว่า ธนาคารมีกำไร 0.78 ดอลลาร์/หุ้นในไตรมาส 1 ซึ่งต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.84 ดอลลาร์/หุ้น ส่วนรายได้อยู่ที่ระดับ 2.907 หมื่นล้านดอลลาร์ ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 2.967 หมื่นล้านดอลลาร์
หุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน (J&J) พุ่งขึ้น 4.3% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรและยอดขายที่สูงเกินคาดในไตรมาส 1 นอกจากนี้ ทางบริษัทยังตั้งเป้าที่จะผลิตวัคซีนต้านเชื้อโควิด-19 จำนวน 600-900 ล้านโดสภายในสิ้นไตรมาสแรกของปีหน้า ถ้าหากการทดลองในมนุษย์สามารถเริ่มต้นในเดือนก.ย.ตามแผนที่วางไว้
หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 9.05% หลังจากนักวิเคราะห์ของเครดิต สวิส ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเทสลา สู่ระดับ "hold" จากระดับ "sell" พร้อมกับปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นเทสลาขึ้นสู่ระดับ 580 ดอลลาร์ จากระดับ 415 ดอลลาร์
หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 5.05% ขานรับรายงานที่ว่า ยอดการส่งมอบ iPhone ในประเทศจีนฟื้นตัวขึ้นในเดือนมี.ค. ภายหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เริ่มชะลอตัวลง
หุ้นอเมซอน พุ่งขึ้น 5.3% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจากวันจันทร์ หลังจากบริษัทประกาศว่าจะจ้างงานเพิ่มอีก 75,000 ตำแหน่ง เพื่อรองรับความต้องการซื้อสินค้าออนไลน์ที่เพิ่มขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19
หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 3.98% หลังจากธนาคาเปิดเผยรายได้และกำไรในไตรมาส 1 ที่ต่ำกว่าคาด ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ดิ่งลง 2.7% หลังจากธนาคารเปิดเผยผลประกอบการที่น่าผิดหวังเช่นกัน
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคานำเข้าดิ่งลง 2.3% ในเดือนมี.ค. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2558 หลังจากร่วงลง 0.7% ในเดือนก.พ. ขณะที่ดัชนีราคาส่งออกดิ่งลง 1.6% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2558 หลังจากลดลง 1.1% ในเดือนก.พ.
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ยอดค้าปลีกเดือนมี.ค., ดัชนีภาคการผลิต (Empire State Manufacturing Index) เดือนเม.ย.จากเฟดนิวยอร์ก, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนมี.ค., ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนเม.ย.จากสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB), สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.พ., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนมี.ค., ดัชนีการผลิตเดือนเม.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมี.ค.จาก Conference Board