ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) หลังทะยานขึ้น 5 วันติดต่อกัน โดยนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาจากความวิตกเกี่ยวกับการรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการที่หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงจากความกังวลเกี่ยวกับอุปสงค์น้ำมันที่ทรุดตัวลงด้วย
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 3.25% ปิดที่ 323.06 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,353.72 จุด ลดลง 170.18 จุด หรือ -3.76%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,279.76 จุด ลดลง 416.80 จุด หรือ -3.90% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,597.65 จุด ลดลง 193.66 จุด หรือ -3.34%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวลง โดยถูกกดดันหลังบริษัทจดทะเบียนรายใหญ่ของสหรัฐ อาทิ จีพีมอร์แกน เชส และจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน เปิดฉากฤดูการรายงานผลประกอบการไตรมาสแรกในวันอังคารที่ผ่านมา และคาดการณ์ผลประกอบการที่ซบเซาในปีนี้ เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อกิจกรรมทางธุรกิจ และทำให้สภาพคล่องลดลง
หุ้นเอเอสเอ็มแอล โฮลดิ้ง ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ในยุโรปของบรรดาบริษัทชิป อาทิ ซัมซุงและอินเทลนั้น ร่วงลง 3.2% หลังรายงานผลประกอบการที่ย่ำแย่เกินคาดในวันพุธ
บรรดานักวิเคราะห์คาดว่า ผลประกอบการของบริษัทในดัชนี STOXX 600 จะร่วงลง 22% ในไตรมาสแรก และ 34.2% ในไตรมาส 2 แม้ว่าบางประเทศพิจารณาที่จะยกเลิกคำสั่งให้ประชาชนอยู่บ้านแล้วก็ตาม
หุ้นกลุ่มพลังงานของยุโรปร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในเดือนนี้ เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงหลังได้รับผลกระทบจากการคาดการณ์ที่ว่า อุปสงค์น้ำมันจะทรุดตัวลงหนักที่สุดในรอบ 25 ปี โดยหุ้นโททาลของฝรั่งเศส ร่วง 6.05% ขณะที่หุ้นเชลล์ และหุ้นบีพีของอังกฤษ ร่วงลง 7.40% และ 6.66% ตามลำดับ
หุ้นดอยซ์แบงก์ และหุ้นอินฟิเนียน เทคโนโลยีส์ของเยอรมนี ร่วง 9.29% และ 9.13% ตามลำดับ
หุ้นอีซี่เจ็ต และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ของอังกฤษ ร่วง 9.94% และ 9.26% ตามลำดับ