ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกว่ารัฐบาลอังกฤษจะขยายเวลามาตรการล็อกดาวน์ต่อไปเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจโลกที่ซบเซา และราคาน้ำมันที่ลดลงซึ่งฉุดหุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,597.65 จุด ร่วงลง 193.66 จุด หรือ -3.34%
ตลาดหุ้นลอนดอนร่วงลง โดยถูกกดดันจากรายงานที่ว่ารัฐบาลอังกฤษกำลังพิจารณาที่จะขยายระยะเวลามาตรการล็อกดาวน์ไปจนถึงต้นเดือนหรือปลายเดือนพ.ค. หลังจากที่ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อโควิด-19 ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บรรดานักเศรษฐศาสตร์คาดว่า เศรษฐกิจอังกฤษอาจหดตัวลง 13% ในปีนี้ ขณะที่รัฐบาลอังกฤษจะยังคงดำเนินมาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดต่อไป ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตในอังกฤษพุ่งขึ้นทะลุ 12,000 ราย
การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหรัฐกดดันตลาดด้วย หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เตือนว่าเศรษฐกิจโลกอาจชะลอตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ยุคภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ในช่วงทศวรรษ 1930
IMF คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะหดตัวลง 3% ในปีนี้ ซึ่งสวนทางการคาดการณ์ในเดือนม.ค.ที่ระบุว่า เศรษฐกิจโลกจะมีการขยายตัว 3.3% ในปีนี้
หุ้นกลุ่มพลังงานถ่วงตลาดลงด้วย โดยหุ้นเชลล์ร่วง 7.40% และหุ้นบีพี ร่วงลง 6.66% หลังราคาน้ำมันลดลงจากความวิตกเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกิน และการคาดการณ์อุปสงค์ที่ลดลงทั่วโลกสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 25 ปี
หุ้นอีซี่เจ็ต และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ ร่วง 9.94% และ 9.26% ตามลำดับ