ตลาดหุ้นเอเชียปิดภาคเช้าวันนี้ปรับตัวขึ้น เนื่องจากตลาดได้รับปัจจัยบวกจากแผนการเปิดดำเนินการทางเศรษฐกิจในรัฐต่าง ๆ ของสหรัฐ และความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนรักษาโควิด-19 แม้ว่าจีนจะเปิดเผยข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาสที่ 1 ซึ่งหดตัวลงถึง 6.8%
ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ 24,560.53 จุด เพิ่มขึ้น 554.08 จุด, +2.31% ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดภาคเช้าที่ 19,782.35 จุด เพิ่มขึ้น 492.15 จุด, +2.55% ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซียปิดภาคเช้าที่ 1,412.92 จุด เพิ่มขึ้น 26.39 จุด, +1.90%
สื่อต่างประเทศหลายแห่งซึ่งรวมถึงสำนักข่าว CNN และ CNBC รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เปิดเผยแนวทางใหม่ซึ่งจะกำหนดเงื่อนไขในการเริ่มผ่อนคลายมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมในรัฐที่มีรายงานการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ชะลอตัวลง หลังจากที่รัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐได้ใช้มาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดในช่วงที่ผ่านมา เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ปธน.ทรัมป์ได้กล่าวกับสื่อมวลชนว่า "เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดแล้ว ทีมผู้เชี่ยวชาญของเราได้ตกลงร่วมกันว่า เราจะเริ่มรุกเข้าสู่แนวหน้าของยุทธศาสตร์ในครั้งนี้ ซึ่งเราเรียกว่า 'Opening Up America Again' อย่างไรก็ดี สหรัฐจะยังไม่เปิดเศรษฐกิจพร้อมกันทั้งหมดทุกรัฐภายในคราวเดียว โดยจะดำเนินการเป็นขั้นเป็นตอนด้วยความระมัดระวัง"
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) หดตัวลง 6.8% ในไตรมาส 1/2563 เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นการหดตัวรายไตรมาสเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2535 เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ภายในประเทศของจีนอย่างรุนแรง
ขณะที่การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร ลดลง 16.1% ในไตรมาส 1/2563 เมื่อเทียบเป็นรายปี แตะที่ระดับ 8.41 ล้านล้านหยวน หรือประมาณ 1.19 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี อัตราการลดลงของตัวเลขดังกล่าวนั้น น้อยกว่าในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ อยู่ประมาณ 8.4%