ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (17 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแผนเปิดเศรษฐกิจอย่างค่อยเป็นค่อยไปของสหรัฐ และตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานข่าวเกี่ยวกับการพัฒนายารักษาโรคโควิด-19 ด้วย
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,786.96 จุด เพิ่มขึ้น 158.53 จุด หรือ +2.82%
ตลาดหุ้นลอนดอนปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากรายงานข่าวที่ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้ประกาศแผนการที่จะเปิดเศรษฐกิจสหรัฐอีกครั้ง หลังจากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในรัฐต่างๆ ของสหรัฐเริ่มชะลอตัวลง
ปธน.ทรัมป์เปิดเผยแผนการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในรัฐต่างๆ ทั่วสหรัฐ หลังจากที่มีการบังคับใช้มาตรการเข้มงวดในช่วงที่ผ่านมาเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ทั้งนี้ แผน "Opening Up America Again" จะแบ่งออกเป็น 3 ระยะ โดยผู้ว่าการของแต่ละรัฐ จะเป็นผู้ตัดสินใจขั้นสุดท้ายในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐอีกครั้ง
ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานของ STAT News ซึ่งเป็นนิตยสารด้านสุขภาพที่ระบุว่า ผลการทดสอบยา Remdesivir ซึ่งเป็นยาต้านไวรัสที่ผลิตโดยบริษัท Gilead Sciences ของสหรัฐนั้นพบว่า ยาดังกล่าวสามารถใช้รักษาผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนหายดีได้
นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากการที่บริษัทซาโนฟีของฝรั่งเศสเปิดเผยว่า บริษัทจะสามารถผลิตวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 จำนวน 600 ล้านโดสได้ภายในปีหน้า ถ้าหากการทดสอบทางคลินิกร่วมกับบริษัทแกล็กโซสมิทไคลน์ (GSK) ของอังกฤษมีความคืบหน้าตามแผนที่วางไว้
หุ้น GSK บวก 0.41%
หุ้นกลุ่มพลังงานและเหมืองแร่ปรับตัวขึ้นด้วย โดยหุ้นบีพี พุ่งขึ้น 4.26% และหุ้นเชลล์ พุ่งขึ้น 5.60%
ส่วนหุ้นริโอ ทินโต ซึ่งผลิตสินแร่เหล็ก พุ่งขึ้น 3.32% หลังเปิดเผยผลผลิตรายไตรมาสที่สูงเกินคาด
หุ้นกลุ่มอื่นๆ ที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจปรับตัวขึ้นด้วยเช่นกัน อาทิ กลุ่มธนาคาร, กลุ่มการท่องเที่ยวและสันทนาการ รวมถึงหุ้นกลุ่มประกัน และกลุ่มอุตสาหกรรม