ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์พุ่งขึ้นเกือบ 400 จุดในวันนี้ บ่งชี้ว่าตลาดหุ้นวอลล์สตรีทจะดีดตัวขึ้นในคืนนี้ ขานรับการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ของสหรัฐ
นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการเปิดเผยผลประกอบการที่สูงเกินคาดของบริษัท 3M และไฟเซอร์ อิงค์
ณ เวลา 19.41 น.ตามเวลาไทย ดัชนีดาวโจนส์ฟิวเจอร์บวก 391 จุด หรือ 1.63% สู่ระดับ 24,390 จุด
บริษัท 3M เปิดเผยกำไรและรายได้ประจำไตรมาสแรกสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยได้อานิสงส์จากอุปสงค์ที่พุ่งขึ้นทั่วโลกสำหรับหน้ากากอนามัย และอุปกรณ์ป้องกันการติดเชื้อ ท่ามกลางการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ไฟเซอร์ อิงค์ ซึ่งเป็นบริษัทยาที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐ เปิดเผยว่า ทางบริษัทมีกำไรและรายได้สูงกว่าคาดในไตรมาสแรก
นอกจากนี้ ไฟเซอร์ยังได้ยืนยันตัวเลขคาดการณ์รายได้ทั้งปีนี้ ขณะที่บริษัทกำลังพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 โดยคาดว่าจะสามารถผลิตวัคซีนหลายล้านโดสภายในปลายปีนี้
นายแอนดรูว์ คูโอโม ผู้ว่าการรัฐนิวยอร์ก เปิดเผยว่า รัฐนิวยอร์กจะเริ่มเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว โดยจะมีการเปิดเศรษฐกิจแบบค่อยเป็นค่อยไป
นายคูโอโมกล่าวว่า จะมีการเปิดภาคการก่อสร้างและการผลิตในเฟสแรก ส่วนเฟสสองจะมีการประเมินธุรกิจเป็นรายกรณี โดยขึ้นอยู่กับความสำคัญของธุรกิจดังกล่าว
นายคูโอโมระบุว่า แต่ละเฟสจะห่างกัน 2 สัปดาห์ เพื่อตรวจสอบผลกระทบของการเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง และสร้างความมั่นใจว่าอัตราผู้ที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลและผู้ติดเชื้อจะไม่เพิ่มขึ้น
นายคูโอโมยังเปิดเผยว่า จำนวนผู้ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ลดลงเป็นเวลา 14 วัน และจำนวนผู้เสียชีวิตในนิวยอร์กแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 เดือน
นอกจากนี้ รัฐอลาสกา, จอร์เจีย, เซาธ์ แคโรไลนา, เทนเนสซี และเท็กซัส ก็ได้เริ่มให้ร้านอาหารกลับมาเปิดให้บริการแก่ลูกค้า
นักลงทุนจับตาการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในสัปดาห์นี้ โดยคาดว่าเฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.00-0.25% หลังจากที่เฟดได้ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 23 มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวรวมถึงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในวงเงินไม่จำกัด ซึ่งถือเป็นการดำเนินการแทรกแซงตลาดครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เฟดเคยดำเนินการมา