ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (30 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร หลังผิดหวังที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ประกาศนโยบายขนานใหญ่เพิ่มเติมที่จะช่วยลดผลกระทบของวิกฤตโควิด-19 ที่มีต่อเศรษฐกิจยูโรโซน
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.03% ปิดที่ 340.03 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,572.18 จุด ลดลง 98.93 จุด หรือ -2.12%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,861.64 จุด ลดลง 246.10 จุด หรือ -2.22% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,901.21 จุด ลดลง 214.04 จุด หรือ -3.50%
ตลาดหุ้นยุโรปร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 7 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อทำกำไร หลังผิดหวังที่ ECB ระบุว่า จะเพิ่มวงเงินกู้ให้กับธนาคารต่างๆ แต่ไม่ได้กำหนดนโยบายเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการล็อกดาวน์ท่ามกลางการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในวันพฤหัสบดี แม้เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวลงอย่างหนักในไตรมาสแรกก็ตาม
อย่างไรก็ดี ECB ระบุว่าพร้อมที่จะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หากมีความจำเป็น
ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% โดยเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25%
ECB ยืนยันถึงโครงการซื้อพันธบัตรที่ดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่คาดว่า ECB จะปรับเพิ่มเป้าหมายโครงการดังกล่าว และเพิ่มการซื้อพันธบัตรที่มีความน่าเชื่อถืออยู่ในอันดับขยะ (junk) ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงโดยถูกกดดันจากหุ้นโซซิเอเต เจเนอรัลของฝรั่งเศสที่ดิ่งลง 8.62% หลังรายงานยอดขาดทุนในไตรมาสแรก ขณะที่หุ้นลอยด์ส แบงกิง กรุ๊ป ร่วง 7.25% โดยได้รับผลกระทบจากการตั้งสำรองหนี้เสีย
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลง โดยหุ้นเชลล์ ร่วง 11.37% หลังบริษัทประกาศปรับลดการจ่ายเงินปันผลลงเป็นครั้งแรกในรอบ 80 ปี และหุ้นบีพี ร่วง 6.12%
นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจเบื้องต้นบ่งชี้ว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจในยูโรโซนหดตัวลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ในไตรมาสแรก และเงินเฟ้อชะลอตัวลงอย่างรุนแรง เนื่องจากการล็อกดาวน์ที่เกิดจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อจะย่ำแย่ลงอีกในไตรมาส 2
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยในวันพฤหัสบดีว่า เศรษฐกิจยูโรโซนหดตัวลง 3.8% ในไตรมาสแรก ซึ่งเป็นตัวเลขเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2538 และรุนแรงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะหดตัว 3.5%
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวขึ้นในเดือนเม.ย.มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2558 เนื่องจากสัญญาณการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในหลายประเทศ, การดำเนินมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก และความหวังเกี่ยวกับการรักษาโรคโควิด-19 ได้ช่วยหนุนตลาดฟื้นตัวจากการร่วงลงอย่างหนักในเดือนก.พ.ที่ผ่านมา