ตลาดหุ้นยุโรปปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกเกี่ยวกับความตึงเครียดครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน หลังจากสหรัฐขู่เก็บภาษีจีนเพื่อตอบโต้กรณีที่จีนเป็นต้นตอการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ดัชนี Stoxx Europe 600 ร่วงลง 2.65% ปิดที่ 328.44 จุด
ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,378.23 จุด ลดลง 193.95 จุด หรือ -4.24%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,466.80 จุด ลดลง 394.84 จุด หรือ -3.64% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,753.78 จุด ลดลง 9.28 จุด หรือ -0.16%
หุ้นที่อ่อนไหวต่อการปรับตัวของเศรษฐกิจ อาทิ หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซ, กลุ่มรถยนต์ และกลุ่มธนาคาร ถูกกดดันจากแนวโน้มความตึงเครียดด้านการค้าครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐและจีน
นายไมค์ ปอมเปโอ รมว.ต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่า มีหลักฐานจำนวนมากที่บ่งชี้ว่าไวรัสโควิด-19 เกิดจากห้องแล็บในจีน ซึ่งความเห็นดังกล่าวได้เพิ่มความวิตกเกี่ยวกับการที่สหรัฐขู่ตอบโต้จีนกรณีการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้นกลุ่มน้ำมันและก๊าซร่วงลงหนักที่สุด โดยถูกกดดันตามการทรุดตัวของราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกด้วย
หุ้นธิสเซ่นครุปป์ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตเหล็กกล้าของเยอรมนี ร่วงลง 14.31% หลังคณะกรรมการบริหารแจ้งกับพนักงานว่า ภาวะโรคระบาดอาจทำให้บริษัทเผชิญกับภาวะการเงินตึงตัวครั้งใหม่ แม้บริษัทได้ขายธุรกิจลิฟต์ไปแล้วก็ตาม
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นยุโรปยังถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของยูโรโซน อาทิ GDP ไตรมาสแรก และ ข้อมูลการผลิตของยูโรโซนในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงการที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ไม่ได้ออกมาตรการเพิ่มเติมใดๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังการประชุมในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา