ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) ตามทิศทางตลาดนิวยอร์กที่พุ่งขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ขานรับราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 รวมทั้งรายงานข่าวที่ว่า รัฐหลายแห่งในสหรัฐ และประเทศในยุโรปได้เริ่มคลายมาตรการล็อกดาวน์
ดัชนี Stoxx Europe 600 พุ่งขึ้น 2.15% ปิดที่ 335.50 จุด
ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 10,729.46 จุด เพิ่มขึ้น 262.66 จุด หรือ +2.51% ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 4,483.13 จุด เพิ่มขึ้น 104.90 จุด หรือ +2.40% ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,849.42 จุด เพิ่มขึ้น 95.64 จุด หรือ +1.66%
ตลาดหุ้นยุโรปปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐที่พุ่งขึ้นขานรับราคาน้ำมันดิบที่เคลื่อนไหวในแดนบวกติดต่อกันเป็นวันที่ 5 หลังจากกลุ่มประเทศผู้ลิตน้ำมันได้เริ่มปรับลดการผลิตเพื่อรับมือกับภาวะน้ำมันล้นตลาดซึ่งเกิดจากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากการที่หลายรัฐในสหรัฐได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจบางส่วน ซึ่งรวมถึงรัฐนิวยอร์กที่เริ่มกลับมาเปิดเศรษฐกิจอีกครั้ง หลังจากที่การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว
ส่วนในประเทศยุโรปนั้น รายงานข่าวระบุว่า ประชาชนชาวอิตาลีหลายล้านคนได้เริ่มกลับเข้าทำงานตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากรัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เคยบังคับใช้อย่างเข้มงวดในช่วงก่อนหน้านี้ เพื่อสะกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้นบีเอ็นพี พาริบาส์ ซึ่งเป็นธนาคารสัญชาติฝรั่งเศส พุ่งขึ้นกว่า 4% แม้ว่าธนาคารเปิดเผยกำไรไตรมาส 1/2563 ร่วงลง 33.1% สู่ระดับ 1.28 พันล้านยูโร (1.40 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากวิกฤตการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อรายได้ของธนาคารในการซื้อขายหุ้น และทำให้ธนาคารต้องตั้งสำรองหนี้เสียในระดับสูง
หุ้นโททาล ซึ่งเป็นบริษัทพลังงานยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส ทะยานขึ้นเกือบ 8% หลังจากบริษัทยืนยันว่าจะยังคงจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้น แม้กำไรสุทธิในไตรมาส 1/2563 ลดลงมาอยู่ที่ระดับ 34 ล้านดอลลาร์ จากระดับ 3.11 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 1/2562 อันเนื่องมาจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ราคาก๊าซธรรมชาติ และค่าการกลั่น รวมถึงผลกระทบด้านอุปสงค์ที่เกิดจากวิกฤตโควิด-19