ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (5 พ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังปรับตัวตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรปที่ต่างก็ปิดในแดนบวก
ทั้งนี้ ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,849.42 จุด เพิ่มขึ้น 95.64 จุด หรือ +1.66%
หุ้นกลุ่มพลังงานพุ่งขึ้น นำโดยหุ้นบีพี ทะยานขึ้นกว่า 6% และหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ พุ่งขึ้นกว่า 5% หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้นติดต่อกันเป็นวันที่ 5 ขานรับการปรับลดกำลังการผลิตของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังปรับตัวตามทิศทางบวกของตลาดหุ้นอื่นๆในยุโรป หลังจากมีรายงานว่า หลายรัฐในสหรัฐได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์และเปิดเศรษฐกิจบางส่วน ขณะที่ประเทศในยุโรป ซึ่งรวมถึงอิตาลี ได้เริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ที่เคยบังคับใช้อย่างเข้มงวดในช่วงก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ดี นักลงทุนยังคงระมัดระวังการซื้อขายและจับตาสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากข้อมูลอย่างเป็นทางการบ่งชี้ว่า ขณะนี้ สหราชอาณาจักร ซึ่งประกอบด้วยอังกฤษ แคว้นเวลส์ สกอตแลนด์ และไอร์แลนด์เหนือ มีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงสุดในยุโรป โดยมีจำนวนกว่า 32,000 ราย แซงหน้าอิตาลี
ทั้งนี้ สำนักงานสถิติแห่งชาติ (ONS) ของอังกฤษเปิดเผยว่า ณ วันที่ 24 เม.ย. ผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษและแคว้นเวลส์มีจำนวน 29,648 ราย และเมื่อรวมกับจำนวนผู้เสียชีวิตในสกอตแลนด์และไอร์แลนด์เหนือ จะทำให้สหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 32,313 ราย
ตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ว่า สหราชอาณาจักรมีผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโควิด-19 แซงหน้าอิตาลี ซึ่งมีจำนวน 29,079 ราย แต่ต่ำกว่าสหรัฐที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตเกือบ 70,000 ราย