ตลาดหุ้นลอนดอนปิดปรับตัวลงเมื่อคืนนี้ (13 พ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกับการเปิดเผยข้อมูลที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจอังกฤษหดตัวลงรุนแรงในเดือนมี.ค. หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 5,904.05 จุด ลดลง 90.72 จุด หรือ -1.51%
ตลาดถูกกดดันหลังสำนักงานสถิติของอังกฤษเปิดเผยว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของอังกฤษ หดตัวลงในไตรมาส 1/2563 เมื่อเทียบรายไตรมาส และเฉพาะในเดือนมี.ค. เศรษฐกิจอังกฤษ หดตัวลงถึง 5.8% ซึ่งถือเป็นการร่วงลงรายเดือนมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2540
ด้านธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจอังกฤษจะทรุดตัวลงมากที่สุดในรอบ 300 ปี
บรรดานักลงทุนได้เทขายหุ้นกลุ่มค้าปลีก เนื่องจากวิตกเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากโรคโควิด-19 หลังสมาคมผู้ค้าปลีกอังกฤษ (BRC) เปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 19.1% ในเดือนเม.ย. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกข้อมูลในปี 2538
BRC ระบุว่า มาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลให้การใช้จ่ายในภาคค้าปลีกร่วงลงถึง 1 ใน 5 ในเดือนเม.ย. ขณะที่การใช้จ่ายโดยรวมของผู้บริโภคลดลงมากกว่า 1 ใน 3
นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกเกี่ยวกับการแพร่ระบาดรอบสองของโรคโควิด-19 หลังรัฐบาลอังกฤษวางแผนที่จะผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เพื่อเปิดดำเนินการด้านเศรษฐกิจ ขณะที่ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างสหรัฐและจีนถ่วงตลาดลงด้วย
หุ้นกลุ่มการเดินทางร่วงลงอีกครั้งหลัง TUI ซึ่งเป็นบริษัทท่องเที่ยวใหญ่ที่สุดในโลกสัญชาติเยอรมนี เปิดเผยว่า บริษัทจะปลดพนักงานจำนวน 8,000 คน และจะลดค่าใช้จ่าย 30% ขณะที่บริษัทได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ของรัฐบาลในประเทศต่างๆ เพื่อสกัดการแพร่ ระบาดของไวรัสโควิด-19
หุ้น TUI ในตลาดลอนดอน ปรับตัวลง 1.63%
หุ้นแอชตัน มาร์ติน ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรถยนต์หรูของอังกฤษ ดิ่งลง 16% หลังเปิดเผยผลประกอบการขาดทุนในไตรมาสแรก เนื่องจากยอดขายร่วงลงเกือบ 1 ใน 3 จากผลกระทบของวิกฤตโควิด-19